ชายที่ได้สมยานามว่า เจ้าพ่อแห่งวงการปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง เจฟฟรี ฮินตัน (Geoffrey Hinton) ได้ออกมาพูดหลังจากลาออกบริษัท Google ที่เขาได้ทำงานมานับทศวรรษว่า AI ในตอนนี้มันมีความน่ากลัว และมันก็อาจจะเท่าทันมนุษย์ได้ในเวลาอันสั้น
ฮินตันในวัย 75 ปีเป็นคนบุกเบิกงานวิจัยโครงข่ายประสาทเทียม และการเรียนรู้เชิงลึกร่วมกับนักเรียนสองคนในเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา อิลยา ซุตสเคเวอร์ (Ilya Sutskever) และ อเล็กซ์ คริสเชฟสกี (Alex Krishevsky)
ทาง Google ได้ทุ่มเงินมากถึง 44 ล้านเหรียญเพื่อเข้าซื้อบริษัท DNNresearch ที่ก่อตั้งโดยฮินตัน และลูกศิษย์ทั้งสองคนในปี 2013 มาเพื่อทำงานวิจัยด้าน AI ใหม่ ๆ ที่นำไปสู่เครื่องมือ Generative AI ชื่อดังก้องโลกอย่าง ChatGPT ของ OpenAI โดยโครงข่ายประสาทเทียมก็เหมือนกับสมองของมนุษย์ที่พวกมันสามารถเรียนรู้ และประมวลผลข้อมูลที่รับเข้ามาได้
ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีจดหมายเปิดผนึกที่มีลายเซ็นลงนามหลายสิบคนที่อยู่ในวงการ AI ที่รวมไปถึงมหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยีของโลกอย่าง อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ร่วมกันเรียกร้องให้หยุดพัฒนา AI ตัวใหม่ที่มีความเหนือกว่า GPT-4 ในตอนนี้ และต้องมีการออกแบบมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวด และปฏิบัติตามได้
แม้ว่าฮินตันจะไม่ได้ลงนามในจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวก็อาจจะเป็นเพราะว่า เขายังคงดำรงตำแหน่งอยู่ภายในบริษัท Google และไม่ต้องการวิพากษ์วิจารณ์ Google จนกว่าจะได้ลาออก
สิ่งที่เขาได้วิพากษ์วิจารณ์หลังจากลาออกจาก Google อย่างเป็นทางการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาคือ เขากังวลเกี่ยวกับเรื่องของข้อมูลที่ใช้ในการฝึกฝน AI ซึ่งในปัจจุบันมีข้อมูลหลากหลายรูปแบบทั้ง รูปถ่าย, วิดีโอ และข้อความ โดยสิ่งเหล่านี้มีทั้งข้อมูลจริง และข้อมูลเท็จ ซึ่งคนทั่วไปอาจจะไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งใดบ้างที่เป็นของจริง
ต่อมาสิ่งที่กังวลไม่แพ้กันก็คือ AI อาจจะเข้ามาแทนที่อาชีพของมนุษย์ในบางอาชีพ ซึ่งในตอนนี้คนทั่วไปก็คิดว่าพวกเราสามารถใช้ AI มาช่วยเหลือการทำงานให้ง่าย และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ในอนาคตข้างหน้าพวกมันก็จะมาแทนที่อาชีพบางอย่างก็เป็นไปได้เช่น นักกฎหมาย นักการตลาด ผู้ช่วยส่วนตัว นักแปลภาษา หรือแม้กระทั้งงานที่มีรูปแบบจำเจ เพราะ AI มันก็คือคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่งที่ทำงานตามตรรกศาสตร์มีเหตุ และมีผลที่สอดคล้องกันไป
ซึ่งในตอนนี้ AI อาจจะฉลาดกว่ามนุษย์แล้วจริง ๆ ก็ได้แต่ก็มีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่เชื่อเหมือนกัน โดยสิ่งที่ฮินตันได้บอกก็คือ มันอาจจะใช้เวลา 30 ถึง 50 ปี หรือมากกว่านั้นที่มันจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตของมนุษย์ที่เป็นอยู่แบบปัจจุบัน
ที่มา : Nytimes, CNN Business, BBC, CBC, Wired
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส