PC และ Mac ต่างมีประวัติต่อกัน และส่งผลเชื่อมโยงถึงการพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง ยาวนานนับทศวรรษ จนมาถึงวันที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องมาจากกระแสการใช้ชีวิตที่แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

เริ่มต้นเส้นทางคู่ขนาน

ถ้าหากยังจำกันได้ ในช่วงยุค 1990 นั้น ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 95 ของบริษัท Microsoft บนเครื่อง PC เป็นอย่างมาก (รวมถึงตัวผู้เขียนด้วยเช่นกัน) และนั่นก็ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆมากมายเพื่อรองรับการทำงานกับเครื่อง PC จนทำให้ Windows 95 กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่มียอดจำหน่ายสูงเป็นประวัติการณ์ เรื่อยไปจนถึงยุคของ Windows 98 เลยทีเดียว

Play video

ต่อมา การกลับมาของ Steve Jobs ก็ทำให้ตลาด Mac กลับมาตื่นตัวอีกครั้งด้วย iMac ที่มีรูปแบบการทำงานที่แตกต่างไปจากแนวทางของ PC ที่มี Windows เป็นระบบปฏิบัติการหลักในยุคนั้น โดยโฆษณา Get a Mac ที่นำแสดงโดย John Hodgman และ Justin Long ในบท PC และ Mac ตามลำดับก็ได้แสดงให้เห็นถึง “จุดยืน” ที่แตกต่างของทั้ง 2 ระบบอย่างชัดเจน

Play video

และด้วยความสำเร็จของ iMac นี้เอง ที่ช่วยให้บริษัท Apple กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง และยังเป็นการปูทางให้แก่การสร้าง iPod และ iPhone ที่เป็นความสำเร็จครั้งใหญ่จนทำให้ Apple กลายเป็นบริษัทที่มูลค่าสูงสุดในโลก

แต่แล้วความนิยมชมชอบต่อการใช้ iPhone ก็ส่งผลต่อเนื่องถึงการปฏิรูปโทรศัพท์มือถือในยุคนั้นให้กลายมาเป็นสมาร์ทโฟน และได้มีการพัฒนาระบบ Android โดย Google ในเวลาต่อมา

มันเปรียบเสมือนการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใส่ในรูปแบบของโทรศัพท์มือถือ หรือที่เรียกกันจนติดหูว่า “สมาร์ทโฟน” จนถึงจุดๆหนึ่งที่ระบบได้รับพัฒนาไปถึงขั้นที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบาย การทำงานส่วนใหญ่จึงเปลี่ยนเป็นรูปแบบของการใช้เบราว์เซอร์ การสืบค้นและเก็บข้อมูลต่างๆที่อยู่ในอากาศ หรือที่เรียกว่า Cloud จนทำให้ยุคที่ PC และ Mac ต้องแข่งขันกันพัฒนาเพื่อสร้างฐานลูกค้า มาถึงจุดอิ่มตัวและเริ่มถูกลดทอนบทบาทลงไป

มันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นสักวัน เมื่อเทคโนโลยีได้รับการพัฒนามาถึงจุดที่ต้องก้าวไปอีกขั้น ซึ่งทาง Microsoft เองก็เข้าใจในข้อนี้เป็นอย่างดี

และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของยุคที่ iPhone และ Android จะต้องแข่งขันกันในธุรกิจสมาร์ทโฟนที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

เมื่อระบบปฏิบัติการ “ไม่ใช่” สิ่งที่สร้าง “ความแตกต่าง” อีกต่อไป

ในปัจจุบัน Windows 10 ของ Microsoft ได้รับการพัฒนาไปมากเสียจนผู้ใช้หลายคนรู้สึกว่ามันมีความใกล้เคียงกับ Mac ของ Apple ในหลายๆด้าน (ถ้าไม่นับรวมข้อผิดพลาดในระบบที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งใน Windows 10 เวอร์ชั่นแรกๆ) แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ Mac จะเน้นไปทางด้านฮาร์ดแวร์ที่มีคุณภาพ ส่วน Windows นั้นจะเน้นในเรื่องซอฟต์แวร์ที่ใช้ได้ตั้งแต่แล็บท็อปราคาถูก ไปจนถึงเครื่อง PC ระดับแพงๆ

นั่นทำให้ทั้ง 2 ระบบต่างประสบความสำเร็จในแนวทางของตนเอง และเมื่อมาถึงยุคของสมาร์ทโฟน ก็ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ไม่ต่างจากเดิมมากนัก

กล่าวคือ Apple (iOS) และ Google (Android) ต่างก็ชนะในแนวทางของตนเอง โดย Apple สามารถสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำได้จากการขาย iPhone รุ่นต่างๆ ส่วน Google ก็มีส่วนแบ่งตลาดถึง 87% ของสมาร์ทโฟนทั้งหมด จากการให้บริการด้านเว็บไซต์และเสิร์ชเอนจินที่มีผู้ใช้เป็นจำนวนมาก

อีกทั้งระบบ iOS ของ iPhone และ Android ของ Google ต่างก็มีแอปหลักๆที่จำเป็นต่อการใช้งานเหมือนกัน แต่อาจมีฟีเจอร์บางอย่างที่แตกต่างกันบ้าง ซึ่งก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น แอป Instagram ของ iPhone จะดีกว่าของ Android อยู่เล็กน้อย แต่การใช้งานโดยรวมส่วนใหญ่แล้วจะเหมือนกัน

จุดเปลี่ยนอยู่ที่ “บริการ”

“บริการ” เป็นตัวแปรสำคัญในธุรกิจนี้ ยกตัวอย่างเช่น การโยกย้ายงานเอกสารระหว่าง PC และ Mac สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เนื่องจาก Office 365 ของ Microsoft นั้นเก็บข้อมูลต่างๆไว้ใน Cloud หรือการซิงค์ข้อมูลเพลงใน Spotify ก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วเพราะมีบริการทั้งใน Mac, PC และ iPhone

นี่คือเหตุผลสำคัญที่อธิบายว่าทำไม Microsoft จึงได้สร้างแอป Office สำหรับทั้ง iPhone และ Android ส่วน Apple ก็พยายามนำแอป Apple Music ลงสู่ Android และทาง Google ก็ได้สร้างเบราว์เซอร์ Chrome สำหรับทั้ง Windows, Mac, Android และ iPhone

เมื่อระบบปฏิบัติการไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกต่อไป ผู้าบริโภคจะมีอิสระในการเลือกบริการที่เหมาะสมกันตนเองมากที่สุ่ด

ดังนั้น ทุกท่านจึงไม่ควรรีบร้อนในการเลือกซื้ออุปกรณ์เทคโนโลยี เพียงแค่รอให้บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ แข่งกันสร้างบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคออกมาให้มากที่สุดเสียก่อน จากนั้นท่านก็จะสามารถเลือกซื้อเลือกใช้ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของท่าน

ข้อมูลอ้างอิง :businessinsider.com