ถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเลย เมื่อล่าสุดมีข้อมูลจาก สมาคมอุตสาหกรรมการบันทึกเสียงแห่งสหรัฐฯ (Recording Industry Association of America หรือ RIAA) เปิดเผยว่าในปีที่ผ่านมามีตัวเลขเม็ดเงินที่ผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกายอมจ่ายเงินไปกับแผ่นเสียงและซีดีเพลงในสัดส่วนที่สูงกว่าการซื้อเพลงในระบบดิจิทัลดาวน์โหลดแล้ว ขณะที่แพลตฟอร์มสตรีมมิงนั้นครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง
แม้ว่าสัดส่วนของ แผ่นเสียงและซีดีจะสูสีกับดิจิทัลดาวน์โหลด แต่ถือว่าอย่างหลังดูจะเป็นแพลตฟอร์มที่น่าเป็นห่วงมากกว่า โดยตลาดแผ่นเสียงและซีดีในสหรัฐฯ นั้นทำรายได้รวมอยู่ที่ 1.15 พันล้านเหรียญฯ ในปี 2018 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากปี 2017 อยู่ 22.8% แต่ยังมีจุดน่าสนใจตรงที่จะกลายเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มที่ยังประคองตัวเองไปได้ ขณะเดียวกันรายได้ของตลาดดิจิทัลดาวน์โหลดนั้นทำรายได้รวมที่ 1 พันล้านเหรียญฯ (เฉลี่ยซื้อแยกเป็นซิงเกิ้ลและอัลบั้มเต็มอย่างละครึ่ง) แต่ในภาพรวมนั้นรายได้ดร็อปจากปี 2017 ลงถึง 26%
จากตัวเลขดังกล่าวบ่งบอกชัดเจนว่า แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งนั้นคือธุรกิจที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมดนตรียุคนี้ กินส่วนแบ่งตลาดสูงสุดถึง 75% (ปี 2018) ไม่ว่าจะเป็น Spotify, Apple Music และ Tidal ทำรายรับรวมกันถึง 7.4 พันล้านเหรียญฯ (เรียกว่า 3 ปีหลังสุดทำรายได้สูงขึ้นเกือบ 4 เท่า จากตัวเลข 2.3 พันล้านเหรียญฯ ในปี 2015) ขณะที่แผ่นเสียง-ซีดี และ ดิจิทัลดาวน์โหลด นั้นกินส่วนแบ่งอยู่ที่ 12% และ 11% ตามลำดับ