งานนี้ดูเหมือนว่าสงครามระหว่าง 2 ค่ายระหว่าง Intel และ AMD จะไม่จบลงง่ายๆ เมื่อ AMD Ryzen 3000 Series ที่เปิดตัวมาได้ไม่นาน กลับทำประสิทธิภาพที่ดีกว่า Core 9th Gen ของ Intel แถมยังมีราคาที่ถูกกว่าครึ่งอีกด้วย แต่ล่าสุดในงาน Intel Open House ที่ผ่านมา แบไต๋ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานที่จัดขึ้น ณ โรงแรม Grand Hyatt Singapore ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยหลังจากที่เราปล่อยข้อมูลใหม่ๆ ของ Intel Core-X Series และ Xeon ตัวใหม่ไปแล้ว ก็มีเรื่องนี้ล่ะครับ ที่ผมอยากจะมานำเสนอให้ทุกท่านได้อ่านกัน
ภายในงานนั้นคุณ Hiral Gheewala ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ได้ขึ้นมาพูดถึงประเด็นที่ร้อนแรงกันอยู่ในช่วงนี้ถึงเรื่องที่ AMD Ryzen 3000 นั้นได้เอาชนะ Core 9th Gen ด้วยการทดสอบผ่านการ Benchmark โดย Intel ได้ชี้แจงให้เห็นถึงสาเหตุว่าทำไมคะแนนของ AMD ได้ออกมาสูงกว่า แต่ในการใช้งานจริงนั้น Intel ก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป หรือการเล่นเกมครับ
ไม่ต้องลีลาอะไรกันมาก Intel ได้เปิดผลการ Benchmark โชว์กันให้เห็นชัดๆไปเลยว่า Core 9th Gen นั้นแรงกว่า Ryzen 3000 จริงๆ
จากในรูปเราจะเห็นได้ชัดเลยว่า Core 9th Gen ของ Inten นั้นมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า Ryzen 3000 ของ AMD จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการทดสอบการใช้งานทั่วไปผ่าน SYSmark หรือการเล่นเกมโดยทดสอบจากเกมระดับ AAA ทั้ง 16 เกม โดยมีเพียงแค่ Cinebench เท่านั้น ที่ Ryzen 3000 มีประสิทธิภาพที่สูงกว่า Core 9th Gen ของ Intel
โดยสาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็เป็นเพราะว่า “สถาปัตยกรรม” ของ Core 9th Gen นั้นทำหน้าที่ได้ดีกว่านั้นเองครับ
เข้าใจกันง่ายๆ เลยก็คือว่าสถาปัตยกรรมของ Ryzen 3000 นั้นส่งข้อมูลจาก Core สู่ Core ในเวลา 78ns ในขณะที่ Core 9th Gen นั้นใช้เวลาแค่ 42ns เท่านั้น อีกทั้งการส่งข้อมูลจาก CPU สู่ DRAM ที่ Ryzen 3000 นั้นใช้เวลา 75ns จาก core สู่ DRAM ในขณะที่ทาง Intel นั้นใช้เวลาแค่ 62ns เท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม AMD Ryzen 3000 ถึงทำคะแนนใน Cinebench ได้ดีกว่าของ Intel Core 9th Gen เนื่องจากว่าตัวโปรแกรม Cinebench นั้นเป็นการทดสอบข้อมูลขนาดเล็กที่มีความละเอียดสูง นั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ AMD Ryzen 3000 นั้นเอาชนะผลการ Benchmark ได้นั้นเอง
Intel H-Series เองก็ทำหน้าที่ได้ดีกว่า Ryzen H-Series
ยังไม่จบแค่นี้ งานนี้ Intel ก็ได้เอาผลทดสอบกับ CPU รุ่น H-Series มาเปรียบเทียบกับ AMD Ryzen H ด้วยเช่นกันครับ โดยฝั่งน้ำเงินได้เลือกเอา Intel Core i5-9300H ที่อยู่ใน Acer Nitro 5 มาเจอกับ AMD Ryzen 7 3750H ที่อยู่ใน ASUS TUF-Gaming FX505DT โดยเจ้า Laptop ทั้งสองตัวนี้มีสเปคที่แถมจะเหมือนกันหมด ทั้งสองตัวมีแรม 8GB DDR และใช้ GTX 1650 กันทั้งคู่ จะแตกต่างกันก็แค่ราคาของ Acer Nitro 5 นั้นถูกกว่าของ ASUS มากเลยทีเดียว
โดยผลการทดสอบนั้นก็ได้แสดงให้เห็นว่า Intel Core i5-9300H นั้นมีประสิทธิภาพสูงกว่า Ryzen 7 3750H อยู่สูงสุดที่ 22% ในเกม Assassin’s Creed Odyssey เลยทีเดียว และมีประสิทธิภาพพอๆกันกับเกม F1 2018 และ Hitman 2 ครับ สำหรับเกมอื่นๆอย่าง Rainbow Six Siege และ Total War 2 นั้นก็ต่างกันประมาณ 10% ทิ้งท้ายด้วย World of Warcraft ที่ต่างกันแค่ 6% เท่านั้น
นอกจากนั้นยังไม่พอ หากเราเอามาเปรียบเทียบกับการใช้งานทั่วไป ทางฝั่ง Intel ก็ยังมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า AMD เช่นกันครับ โดยผลการทดสอบครั้งนี้ Intel ถึงกับเอา Core i3-8145U มาวัดกับ Ryzen 7 3750H ให้ดูกันเห็นๆเลยว่า ขนาด CPU Gen 8 ของ Intel ก็ยังทำหน้าที่ได้ดีกว่า Ryzen 3000 ของ AMD ได้ในการใช้งานทั่วไปครับ
แต่นั่นหมายความว่า Intel ก็ยังคงเป็น CPU ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในทุกๆด้านจริงหรือ ??
ทุกวันนี้ CPU ได้มีการพัฒนาไปมากครับ ตลาดหลายปีเราจะเห็นเทคโนโลยีใหม่ๆ และสถาปัตยกรรมใหม่ๆใน CPU มากมาย รวมไปถึงจำนวน Core ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น CPU ระดับตัวท็อปของ Intel Core 9th Gen อย่าง Core i9-9900KF ที่มีจำนวน ที่ 8 Core 16 Threads สำหรับ AMD เองก็มี Ryzen 9 3900X ที่มี 12 Core 24 Threads ซึ่งเราจะเห็นว่า AMD นั้นจะเน้นเรื่องจำนวน Core และ Threads ที่เยอะมาตลอด แต่เราเคยสงสัยไหมว่า การที่จำนวน Core Threads เยอะนั้น มันจะช่วยให้การเล่นเกมดีขึ้นจริงหรือ ??
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สาวก Intel และ AMD ได้ถกเถียงกันตลอดเวลา ภายในงานนั้นคุณ Hiral Gheewala ได้บอกว่า การเพิ่มจำนวน Core และ Threads ให้เยอะๆ มันก็ไม่ได้ช่วยให้การเล่นเกมดีขึ้นแต่อย่างใด ทุกวันนี้หากเรามาลองดูผลการทดสอบจากหลายๆ เกม ก็จะพบว่ามีหลายเกมที่ยังใช้ประสิทธิภาพซีพียูได้ไม่เต็มที่เลยด้วยซ้ำไปครับ
จากกราฟที่แสดงให้เห็นจะพบว่า หากเราเพิ่มจำนวน Core จาก 4 มาเป็น 6 แน่นอนว่ามันจะส่งผลต่อการเล่นเกมสูงขึ้นมากจริงๆ แต่หากเราเพิ่มจาก 6 Core เป็น 8 Core ทุกอย่างก็ดูเหมือนว่าจะไม่ส่งผลอะไรมาก หลังจากนั้นทั้ง 8 Core ไป 10 Core หรือ 10 Core ไป 12 Core ทุกๆเกมก็เริ่มจะมีประสิทธิภาพที่พอๆกันแล้วนั้นเอง
แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า การเพิ่มจำนวน Core / Threads มานั้น จะทำให้การเล่นเกมของเราไม่ดีขึ้น อย่างเช่น AMD Ryzen เองการที่มีจำนวน Core เยอะๆนั้นถึงแม้ว่าอาจจะสู้ Intel ในด้านประสิทธิภาพไม่ได้มาก แต่ AMD ก็ยังทำหน้าที่ในเรื่องของ multitasking ได้ดีกว่า Intel หรือเข้าใจง่ายๆ คือการเปิดโปรแกรมหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกันนั้นเองครับ
หากพูดกันตามตรง Intel นั้น ขึ้นชื่อเรื่องราคาที่แพงมากๆ แต่การใช้งานนั้นดีและเสถียรมาตลอดเวลา ส่วนสำหรับ AMD นั้นขึ้นชื่อเรื่องราคาที่ถูกมากๆ ทั้งตัว CPU เองและ Mainboard แต่ก็มีข้อเสียเรื่องความร้อน แต่อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันเองนั้น AMD เองก็ไม่ได้ร้อนแบบสมัยก่อนแล้ว แถมยังใช้ไฟน้อยกว่า และเริ่มใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 7nm แล้วด้วยครับ
Intel เองก็ไม่น้อยหน้า เพราะล่าสุดก็ได้มีการเปิดตัว Intel Gen Core-X Procressor (Cascade Lake X) CPU ระดับ High-End Desktop ที่ราคาถูกลงกว่าครึ่ง แถมยังมี Core 10th Gen สำหรับ Desktop ที่ยังรอการเปิดตัวอีกด้วย และสำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใช้ CPU ตัวไหน วันนี้ Intel ก็ได้ประกาศลดราคา CPU Core 9th Gen ของตัวเองลงทุกรุ่น !! หากใครที่กำลังรออยู่ ตอนนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากครับ
แน่นอนว่าสงครามระหว่างฝ่ายแดงและน้ำเงินนั้นยังไม่จบลงง่ายๆอย่างแน่นอน ส่วนตัวผมเองแล้วนั้นคาดหวังกับ Core 10th Gen เป็นอย่างมาก และอยากจะเห็นมันในเร็วๆนี้