Jeff Bezos, CEO ของ Amazon และเจ้าของ The Washington Post กลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกแฮกสมาร์ตโฟนตั้งแต่ปี 2018 หลังจาก Jeff ได้รับข้อความจากเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมานการวิเคราะห์ทางนิติวิทยาศาสตร์พบว่าไฟล์วิดีโอที่ถูกส่งมานั้นมีไวรัส และ Jeff ก็ได้เปิดไฟล์นั้นด้วย
สื่อต่างประเทศรายงานว่ามีข้อมูลมากมายถูกแฮ็กและขโมยไปจาก iPhone X ของ Jeff ผ่านแอปพลิเคชัน WhatsApp แต่ยังไม่มีรายงานแน่ชัดว่าผู้ไม่หวังดีได้ข้อมูลอะไรไปบ้าง
ด้านสถานทูตซาอุดิอาระเบียใน Wahshington DC. ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอะไรกับสื่อ แต่ได้ทวีตแสดงความคิดเห็นผ่าน Twitter ด้วยบัญชีอย่างเป็นทางการ @SaudiEmbassyUSA ว่า “รายงานจากสื่อล่าสุดอ้างว่าซาอุฯ อยู่เบื้องหลังการแฮกโทรศัพท์ของ Jeff Bezos แต่นั่นเป็นเรื่องไร้สาระ เราร้องเรียนให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้เพื่อจะได้ทราบความจริง”
Recent media reports that suggest the Kingdom is behind a hacking of Mr. Jeff Bezos' phone are absurd. We call for an investigation on these claims so that we can have all the facts out.
— Saudi Embassy USA (@SaudiEmbassyUSA) January 22, 2020
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ คลิปวิดีโอที่ Jeff ได้รับนั้นมีขนาดเพียง 4.22MB เท่านั้น โดยมัลแวร์ที่ฝังมากับคลิปดังกล่าวถูกออกแบบให้สามารถขโมยข้อมูลทุกอย่างบนสมาร์ตโฟนของ Jeff ได้ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่านี่คือช่องโหว่ของ WhatsApp ที่เจ้าของอย่าง Facebook ดันปล่อยทิ้งเอาไว้
อย่างไรก็ตาม Nick Clegg หัวหน้าฝ่ายกฏหมายและนโยบายของ Facebook ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า “มันดูเหมือนว่าจะเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการมากกว่านะ” สิ่งที่ Nick พยายามจะสื่อคือ มันไม่ใช่ความผิดของ WhatsApp แต่เป็นที่ตัว iOS เอง “เหมือนเวลาที่คนส่งอีเมลที่มีมัลแวร์มาน่ะ มันจะทำงานก็ต่อเมื่อเราเปิดมันเท่านั้น”
ด้าน Apple ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว ส่วนประเด็น iPhone X ของ Jeff ถูกแฮกนั้นก็ยังต้องได้รับการสืบสวนต่อไป
จริง ๆ เรื่องนี้ก็พอจะบอกได้ง่าย ๆ แล้วว่าไม่ว่าใครในยุคนี้ก็สามารถถูกแฮกมือถือได้ง่าย ๆ แล้วครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส