Amazon เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่ทำรายไ้ด้อย่างน่าประทับใจในช่วงวิกฤติ COVID-19 โดยในการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 (เมษายน – มิถุนายน) ปี 2020 นั้น ได้ระบุว่าทำรายได้สุทธิไปสูงถึง 5,200 ล้านเหรียญ ซึ่งสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันเมื่อปี 2019 ที่ทำได้ 2,600 ล้านเหรียญ โดยมียอดจำหน่ายสุทธิเพิ่มขึ้น 40% อยู่ที่ 88,900 ล้านเหรียญ

รายงานดังกล่าวระบุว่า Amazon ได้ตอบสนองการความร้องการในการจัดส่งของใช้ต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันในช่วงวิกฤติ COVID-19 โดยเพิ่มการรองรับการจัดส่งขึ้นอีก 160% ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคนิยมใช้ Amazon เป็นอย่างมาก ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้

นอกจากนี้ ยอดการรับชมบริการสตรีมมิง Amazon Prime ก็เพิ่มขึ้นสูงเกือบ 2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน

Amazon

Jeff Bezos (เจฟฟ์ เบโซส์) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Amazon ได้กล่าวว่า “นี่เป็นอีกไตรมาสหนึ่งที่เราได้เติบโตเกินความคาดหมาย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 ที่ผ่านมา เราได้สร้างงานใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 175,000 งาน และกำลังดำเนินการนำพนักงานจำนวน 125,000 คน มาทำงานเป็นพนักงานประจำ อีกทั้งการจำหน่ายแบบ Thrid Party ก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็วมากกว่าการจำหน่ายผ่าน Amazon โดยตรง”

ก่อนหน้านี้ Amazon ได้ถูกกล่าวหาหลายครั้งว่าไม่ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของพนักงานในคลังสินค้า ซึ่งถูกนำไปเชื่อมโยงถึงการเสียชีวิตในช่วงวิกฤติ COVID-19 โดยในการรายงานผลประกอบการล่าสุดนี้ ทาง Amazon ได้กล่าวว่ามีแผนจะทุ่มงบมากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานจะมีความปลอดภัยมากที่สุด เช่น เพิ่มระยะห่างทางสังคม และสิ่งอำนวความสะดวกด้านการแพทย์มากขึ้น เป็นต้น

ข้อมูลอ้างอิง : engadget

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส