ล่าสุดมีการรายงานว่า อัปเดต Windows 10 2004 ที่ปล่อยให้อัปเดตตั้งแต่ช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา อาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของ SSD ให้สั้นลงเพราะเครื่องมือ “Optimize Drives” ทำงานบ่อยเกินไป
ปัญหานี้เริ่มจากที่ผู้ใช้งานบางรายสังเกตว่าเครื่องมือ Optimize Drives ไม่สามารถบันทึกว่าระบบได้ทำการ defragment หรือจัดเรียงข้อมูลของไดรฟ์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่บ้าง ทำให้ระบบ optimize พื้นที่ของไดรฟ์บ่อยเกินไปกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งมันส่งผลโดยตรงต่ออายุขัยการใช้งานของ SSD
ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็บอกว่าการที่ระบบทำการ defragment บ่อย ๆ ก็ไม่ได้ส่งผลต่อ SSD อะไรขนาดนั้น แต่เป็นผลดีด้วยซ้ำ เราควรจะทำการ defragment อย่างน้อยเดือนละครั้ง
แต่ผลปรากฏว่าระบบจะทำการ optimize ตัว drive ทุกครั้งที่เชื่อมต่อกับระบบใหม่ หรือก็คือทุกครั้งที่เกิดการรีบูตเครื่อง หรือเปิดเครื่องใหม่ ส่งผลให้มันทำงานบ่อยกว่าปกติถึงราว ๆ 30 เท่า
โดยทาง Microsoft ก็ได้รับทราบปัญหานี้แล้ว และออกแพตช์แก้ไปแล้วใน Windows 10 เวอร์ชันทดสอบ Insider program ในอัปเดต Windows 10 Build 19042.487 (20H2) ส่วนทางผู้ใช้งานทั่วไปยังต้องรอไปก่อน น่าจะไม่นานเกินรอ เราก็ขอแนะนำให้ปิดการทำ defragment อัตโนมัติไปก่อน
ซึ่งไมโครซอฟต์อธิบายภายหลังว่า Windows 10 ควรจะทราบว่าหน่วยเก็บข้อมูลเป็น HDD หรือ SSD ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลัง วินโดวส์จะใช้การ TRIM เพื่อจัดการข้อมูลแทนการ Defrag ซึ่งปลอดภัยกับไดรฟ์มากกว่า แต่ถ้าเปิดใช้ Volume Snapshot ที่สามารถย้อนระบบเมื่อเกิดปัญหา ก็จะใช้ Defrag ตามปกติ ซึ่งอาจส่งผลกับอายุได้ (แต่เรื่องบักที่ทำให้ Defrag บ่อยนั้นก็เป็นเรื่องที่ไมโครซอฟท์กำลังแก้ไขต่อไป)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส