เมื่อต้นสัปดาห์นี้ FBI เปิดเผยข้อมูลว่าได้ตามรวบตัว Egor Igorevich Kriuchkov ชาวรัสเซียวัย 27 ปีในข้อหาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่พยายามเรียกค่าไถ่หลายล้านดอลลาร์จากบริษัท Tesla โดยการโจมตีด้วย Ransomware
จากเอกสารที่ FBI ได้ยื่นฟ้องและเผยแพร่โดยกระทรวงยุติธรรมเปิดเผยว่าวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา Egor Igorevich Kriuchkov ได้ใช้ WhatsApp ติดต่อกับพนักงานของ VictimCompany A (Tesla) เป็นคนพูดภาษารัสเซียซึ่งไม่ใช่พลเมืองของสหรัฐฯ และทำงานใน Gigafactory Nevada
28 กรกฎาคม Kriuchkov ได้เดินทางเข้ามาในสหรัฐฯ จากนั้นวันที่ 1 – 3 และ 7 สิงหาคมก็ได้เข้าไปพบพนักงานของ Tesla ถึงถิ่นเนวาดา ซึ่งได้พูดชักจูงให้เข้าร่วมขบวนการโดยต้องการให้ช่วยส่งมัลแวร์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของ Tesla เพื่อล้วงข้อมูลและใช้ข่มขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลทางออนไลน์เว้นแต่ Tesla จะยอมจ่ายเงินค่าไถ่ ต่อมาวันที่ 16 และ 17 สิงหาคมได้มีการประชุมผ่าน WhatsApp และยื่นข้อเสนอด้วยค่าจ้างเป็นสกุลเงินดิจิทัลหรือเงินสด (แต่ยังไม่ระบุจำนวนค่าจ้าง)
18 สิงหาคม Kriuchkov ได้พบกับพนักงานของ Tesla อีกครั้งโดยยื่นข้อเสนอว่าถ้าช่วยส่งมัลแวร์เข้าไปยังระบบคอมพิวเตอร์ที่ Gigafactory Nevada ได้สำเร็จก็จะให้เงินค่าเปิดทางถึง 1,000,000 USD
20 สิงหาคม Kriuchkov ได้เดินทางไปลอสแองเจลิสเพื่อจะออกนอกสหรัฐฯ และวันที่ 21 ได้มีการประชุมผ่าน WhatsApp จนวันที่ 22 สิงหาคม FBI ได้ตามรวบตัว Kriuchkov ก่อนที่จะเดินทางออกนอกสหรัฐฯ และความจริงก็เปิดเผยว่าพนักงานของ Tesla ตีเนียนยอมร่วมทีมมาโดยตลอด แต่เบื้องหลังเขาได้แจ้งให้ Tesla และ FBI ทราบจนเกิดการซ้อนแผนจับกุม Kriuchkov และยังช่วยขยายผลตามจัดการกลุ่มเรียกค่าไถ่ Ransomware ต่อไป
มีรายงานว่าเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา CWT กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ต้องจ่ายเงินค่าไถ่ 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อแลกกับข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของบริษัทและระบบคอมพิวเตอร์ที่ต้องปิดการใช้งาน 30,000 เครื่อง นับเป็นความโชคดีของ Tesla ที่ไม่โดนเรียกค่าไถ่ข้อมูลด้วยเงินจำนวนมากและไม่ต้องเผชิญกับการปิดระบบคอมพิวเตอร์ทำให้องค์กรต้องหยุดชะงัก
สุดท้ายขอปิดด้วยคำยืนยันจาก Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ผ่าน Twitter ว่า “นี่เป็นการโจมตีที่รุนแรง”
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส