TSMC บริษัทสัญชาติไต้หวัน ที่รู้จักกันดีในฐานะเป็นผู้ผลิตชิปให้แบรนด์ชิปดังต่าง ๆ หลายเจ้า รวมถึง HUAWEI ด้วย แต่เมื่อล่าสุดจากกฎระเบียบส่งออกของสหรัฐอเมริกา ทำให้จำเป็นต้องหยุดรับออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2563 และผลิตล็อตสุดท้ายภายใน 15 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทที่อาจร่วงได้ แต่นักวิเคราะห์หลาย ๆ ท่าน มองต่าง
Counterpoint ประเมินว่าส่วนแบ่งรายได้ที่ TSMC ได้รับจาก Huawei เพิ่มขึ้นจาก 6.8% ในปี 2559 เป็น 14.5% ในปีที่แล้ว คำสั่งซื้อจาก HiSilicon บริษัทในเครือ Huawei สำหรับชิปสมาร์ทโฟนและชิปสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน 5G ของ Huawei มีการเติบโตขึ้นในปีดังกล่าวอย่างมาก
แม้ว่าผู้สังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมจะกังวลว่าการสูญเสีย HUAWEI ในฐานะลูกค้าจะนำไปสู่การสูญเสียรายได้ของ TSMC แต่การขาดแคลนนี้ได้รับการชดเชยบางส่วนจากออเดอร์ของ Apple และอาจได้ออเดอร์จาก AMD, nVidia มากขึ้นเนื่องจากตลาด PC, Console เริ่มกำลังมาเป็นที่ต้องการอย่างมากของผู้ใช้ และ TSMC แทบจะเป็นผู้ผลิตรายเดียวที่รับผลิตให้
TrendForce กล่าวว่ายุค 5G และ IoT กำลังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะกลายเป็นโอกาสใหม่ของ TSMC ที่จะผลิตชิปป้อนให้กับหลายสินค้าหลายผู้ผลิตมากขึ้น
กล่าวคือจริง ๆ ก็กระทบจนเป็นแผลใหญ่ แต่ถ้าได้ส่วนอื่นมาอุดได้ดังที่นักวิเคราะห์กล่าวไว้ ก็จะพอช่วยได้
Brady Wang นักวิเคราะห์จาก Counterpoint Research ในไต้หวันกล่าวว่า “แม้จะต้องเสียรายได้เพราะลูกค้ารายใหญ่อย่าง HUAWEI หายไป แต่ต้องไม่ลืมว่า TSMC คือผู้ผลิตชิปที่มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในโลก เชื่อว่าสามารถรับธุรกิจอื่น ๆ ได้มากพอที่จะชดเชยคำสั่งซื้อก่อนหน้านี้จาก Huawei และบริษัทในเครือ”
Kent Chong กรรมการผู้จัดการของ PwC Legal ในไทเปกล่าว “พวกเขาตระหนักดีว่าแม้นี่เป็นความสูญเสียอย่างมาก แต่หากไม่ปฏิบัติตาม ก็อาจส่งผลกระทบที่เลวร้ายกว่านี้ เพราะอาจถูกสั่งห้ามผลิตให้กับบริษัทในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ อีก อีกทั้งบริษัทนี้่มีอายุถึง 33 ปี สามารถประคองตัวเองต่อไปได้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม TSMC ปฎิเสธการให้ความเห็นการวิเคราะห์เหล่านี้
อ้างอิง: Asia Times Financial
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส