จะเป็นอย่างไร หากในอนาคตเราจะมีเพื่อนสนิทมิตรคู่ใจ ที่คอยปลอบใจในเวลาที่ท้อแท้ หรือคอยแสดงความยินดีเมื่อมีความสุข และเข้าใจเราในทุกอารมณ์ ที่ไม่ใช่ “มนุษย์” แต่เป็น “แอปฟังเพลง” เมื่อ Spotify แพลตฟอร์มสตรีมมิงเพลงเจ้าดัง มีความสนใจที่อยากจะติดตาม “น้ำเสียง จังหวะ และความเร็วในการพูดของผู้ใช้งาน เพื่อจะได้รู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไรในขณะนั้น แล้วนำไปวิเคราะห์เพื่อแนะนำเพลงที่เข้ากับอารมณ์
เป็นเรื่องปกติที่แอปพลิเคชันสตรีมมิงเพลงจะรวมคุณสมบัติที่ให้คำแนะนำเพลงในแบบของตัวเองแก่ผู้ใช้งาน แอปสตรีมเพลงเจ้าต่าง ๆ ยังคงดำเนินแนวทางการแนะนำเพลง ด้วยอัลกอริทึมที่ใช้โมเดลการค้นหาความชอบ และการแนะนำเพลง ในรูปแบบของการแยกแยะรสนิยมของผู้ใช้ ตามการค้นหาเพื่อแนะนำเพลง ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าระบบจะเรียนรู้ความชอบจริง ๆ ของผู้ใช้งานนั้น ๆ ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งนั่นคงยังไม่ดีพอที่จะสามารถอยู่เหนือคู่แข่งรายอื่น ๆ ได้
ล่าสุดบริษัท Spotify Technologies บริษัทสตรีมมิงเพลงเจ้าดัง เผยว่าได้รับอนุมัติการขอจดสิทธิบัตรในการดักฟัง และบันทึกเสียงสนทนา รวมถึงเสียงจากสภาพแวดล้อมรอบตัวของผู้ใช้งาน หลังจากที่บริษัท ได้ทำการยื่นขอจดสิทธิบัตรนี้ไปตั้งแต่ปี 2018 โดยสิทธิบัตรฉบับนี้ มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาระบบ AI ที่สามารถแนะนำและจัดหาเพลงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และเข้ากับอารมณ์ในขณะนั้น เพื่อสร้างความประทับใจต่อผู้ใช้งานได้มากขึ้น
เทคโนโลยีนี้เป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางเทคนิคหลายอย่างที่ Spotify ตั้งใจจะจดสิทธิบัตรในช่วงปีที่แล้ว โดยเบื้องหลังของกลุ่มข้อมูลที่ได้จากเทคโนโลยีดักฟังเสียงดังกล่าว ได้แก่ จังหวะของเสียง โทนเสียง น้ำเสียง รวมถึง ความหนัก-เบา และความเร็วในการพูด ซึ่งหลังจากระบบทำการเก็บบันทึกเสียงเหล่านี้ในแต่ละช่วงแล้ว ระบบ AI จะทำการวิเคราะห์ต่อว่า ในสถานการณ์นี้ ผู้สนทนา (เจ้าของบัญชีผู้ใช้) เป็นเพศใด อายุเท่าไร และในขณะนั้น ผู้ใช้งานกำลังอยู่คนเดียว หรืออยู่กับกลุ่มเพื่อน เท่านั้นยังไม่พอ ระบบยังวิเคราะห์ไปถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานว่าชอบไปในสถานที่ใดอีกด้วย
อย่างไรก็ดี กลุ่มข้อมูลที่ได้จากเทคโนโลยีดักฟังเหล่านี้จะถูกใช้กับแอปสตรีมเพลงอย่าง Spotify เพียงเท่านั้น! ทั้งนี้ยังไม่มีข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีนี้ในการวิเคราะห์ความหมายของบทสนทนาต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน อีกทั้งในขณะนี้ทาง Spotify ยังไม่มีประกาศที่จะใช้แผนพัฒนาระบบเทคโนโลยีดักฟังดังกล่าวอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าหลังจากที่ได้รับการอนุมัติการจดสิทธิบัตรแล้ว ทาง Spotify คงจะสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ ให้เกิดประโยชน์ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้จริงในอีกไม่นาน ซึ่งก็จะทำให้ Spotify สามารถอยู่เหนือคู่แข่งอย่าง JOOX, Apple Music และ YouTube Music ได้แน่นอน
อ้างอิง : BBC Thesillytv.com
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส