ปัจจุบัน AirPods หรือหูฟังไร้สายแบบ TWS ของ Apple นั้นครองส่วนแบ่งหูฟังไร้สาย TWS มากเกือบ 50% แม้ผู้เล่นรุ่นเฮฟวีเวตอย่าง Samsung และ Xiaomi ก็มีส่วนแบ่งในตลาดนี้เพียงนิดเดียวแม้ในแง่ของตลาดสมาร์ตโฟนนั้นจะดูดีกว่า Apple ก็ตาม
คำถามที่น่าสนใจคือทำไม AirPods ถึงได้รับความนิยมขนาดครองตลาดหูฟัง TWS เกือบ 50% ซึ่งปกติแล้ว Apple มักจะเล่นตลาดพรีเมียมเป็นส่วนใหญ่ แถม AirPods ก็ไม่ได้มีราคาถูก ๆ จะบอกแค่ว่า “เป็นการตลาด” ก็คงจะไม่ใช่ทั้งหมด สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่า มันมีอะไรมากกว่านั้นครับ
Apple ควบคุมทุกอย่างเอง
เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ Apple จะผสานทุกฮาร์ดแวร์ให้ทำงานกันได้อย่างลงตัว อย่าง AirPods จะทำงานได้อย่างเต็มที่ก็ต้องใช้คู่กับ iPhone เท่านั้น หากใช้งานกับ Android ก็จะเสียคุณสมบัติบางส่วน ในขณะที่แบรนด์อื่น ๆ อย่าง Jabra Elite 85t นั้นสามารถใช้งานได้กับหลายแพลตฟอร์ม อย่างไรก็ตาม หากดูแค่ 2 ชื่อนี้ AirPods ก็ดูน่าใช้งานมากกว่าโดยเฉพาะหากจับคู่ใช้กับ iPhone ช่วยเรื่องการเชื่อมต่อที่ง่ายแสนง่าย ซึ่งตอนนี้ผู้ผลิตอุปกรณ์ฝั่ง Android ต่างก็เริ่มนำคุณสมบัตินี้มาใช้แล้วเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม Apple ยังคงนำฟีเจอร์ใหม่ ๆ สู่ AirPods ในขณะที่คู่แข่งยังทำได้แค่นำฟีเจอร์พื้นฐานเดิม ๆ ของ AirPods มาใช้ ฟีเจอร์ล่าสุดอย่าง Spatial Audio และฟีเจอร์ Automatic Source Switching เนื่องจาก Apple พัฒนาเองตั้งแต่ซอฟต์แวร์ของทั้งหูฟังและสมาร์ตโฟน ทำให้สามารถเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้คล่องแคล่วกว่าแบรนด์อื่น
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มี Galaxy Buds Pro ของ Samsung ที่เริ่มใช้ฟีเจอร์ Spatial Audio ในชื่อว่า 360 Audio โดยจะสามารถใช้งานได้กับสมาร์ตโฟน Samsung ที่อัปเดตเป็น OneUI 3.1 แล้วเท่านั้น
แต่ถ้าเรื่องเสียงเพลง AirPods ถือว่าด้อยกว่าแบรนด์อื่นอยู่พอสมควรล่ะครับ
เวลาไม่ใช่ทุกอย่าง แต่มันคือความเหมาะสม
Apple มักไม่เข้าตลาดในช่วงเทคโนโลยีนั้น ๆ กำลังเริ่มเกิดเป็นแบรนด์แรก ๆ อย่างยุคสมัยของเครื่องเสียง iPod นั้นก็มาหลังจากโลกมี MP3 ไปแล้ว หรือแม้แต่ iPhone ที่เปิดตัวหลังจากสมาร์ตโฟนถือกำเนิดขึ้นแล้ว แต่ความพิเศษของ Apple คือ เข้ามาแทรกกลางระหว่างตลาดที่กำลังไปได้แล้วได้เป็นอย่างดี ซึ่งก่อนจะเข้าตลาดใด ๆ นั้น Apple ได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดของคู่แข่งมาก่อนแล้ว ถึงปล่อยของออกตามมา อย่าง AirPods ก็เช่นเดียวกัน
หูฟัง Bluetooth นั้นวางจำหน่ายมานานมากแล้วก่อนที่ Apple จะเริ่มเปิดตัว AirPods ในเดือนธันวาคมปี 2016 ซึ่งถ้ามองในแง่ตัวเลข อ้างอิงข้อมูลของ NPD พบว่ายอดขายของหูฟังแบบไร้สายเพิ่งเริ่มแซงหูฟังแบบมีสายในเดือนกรกฎาคมของปี 2016 เท่านั้น แต่ในตอนนั้นหูฟังแบบไร้สายยังมีข้อจำกัดหลายอย่างไม่ว่าจะเรื่องแบตเตอรี การเชื่อมต่อที่ยุ่งยาก ถึงจะไร้สายแต่ก็ไม่ไร้สายที่แท้ทรู ยังมีสายคล้องคู่หูฟังกันให้เห็นบ้าง
การเข้ามาของ AirPods เป็นการเปิดประตูสู่หูฟังไร้สายที่ใช้งานได้ง่าย เชื่อมต่อง่าย มีแบตเตอรีที่มีอายุการใช้งานได้นาน เคสสุดหรูหรา มีไฟแสดงสถานะ การชาร์จต่อวันที่ใช้งานได้หลายครั้งในสมัยนั้น Apple ได้แก้ไขข้อบกพร่องหลายอย่างของหูฟังไร้สายในแบบที่มันควรจะเป็น และยังคงมีเทคนิคในการรักษายอดขายได้เป็นอย่างดีอย่างการเปิดตัว AirPods Pro ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ ANC หรือ Active Noise Cancelling นั่นเอง
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอิทธิพลด้านการตลาดของ Apple นั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของ AirPods ซึ่งทำให้คนรู้จักหูฟังแบบไร้สายมากขึ้น และนำไปสู่การแนะนำต่อด้วย ที่สำคัญคือ Apple ต้องมั่นใจมากว่าการถอดช่องเสียบหูฟังออกจาก iPhone 7 นั้นจะทำให้คนหันไปซื้อ AirPods กันมากขึ้น
คู่แข่งยังไม่แกร่งมากพอ
ในตลาดมีหูฟังไร้สาย TWS ที่มีเสียงคุณภาพสูงกว่า AirPods หลายแบรนด์ในราคาที่ใกล้เคียงกันอย่าง Samsung Galaxy Buds Pro หรือ Sony WF-1000XM3 แต่ปัจจุบันตลาดเริ่มมาถึงจุดที่ ต้องลอกเลียนแบบ AirPods อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะหูฟังจากแบรนด์ใหญ่อย่าง Huawei, Xiaomi ต่างก็ทำดีไซน์แบบ AirPods ออกมากันหมด แต่ในแง่ความรู้สึกของคนซื้อก็ต้องมีบ้างที่รู้สึกว่า “เหมือนซื้อของเลียนแบบ” หรือ “ของก็อป”
และอย่างที่กล่าวในช่วงแรกว่าปัจจุบันหูฟังไร้สาย TWS หลายแบรนด์ต่างเลือกทำตาม AirPods นั้นหมายความว่าส่วนใหญ่แล้วจะมีฟีเจอร์ที่น้อยกว่าหรือเทียบเท่ากับ AirPods ในขณะที่บางเวลานั้น AirPods ก็มีฟีเจอร์ใหม่ที่นำหน้าไปแล้ว ชัดเจนที่สุดคือ Spatial Audio ที่ตอนนี้ Sony มี 360 Reality Audio มาสู้แล้ว และกำลังเร่งสร้างคลังของตัวเอง ส่วน Samsung ก็เป็นอีกรายที่ทำตาม แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ไม่ใ่ช่สมาร์ตโฟนทุกรุ่นจะสามารถใช้ฟีเจอร์นี้คู่กับ Galaxy Buds Pro ได้ด้วย
แต่ปัญหาอย่างเดียวของ AirPods คือเรื่องราคานั่นล่ะครับ…
อ้างอิง Android Authority
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส