หลังจาก Apple โดนฟ้องร้องในประเด็นที่ iOS 14 มีการใช้ข้อมูลของเจ้าของเครื่องในการโฆษณาบนอุปกรณ์โดยไม่ได้แจ้งให้ผู้ใช้งานทราบล่วงหน้า ล่าสุด Google ก็โดนฟ้องร้องเพิ่มเติมกรณี Chrome แอบติดตามผู้ใช้งานแม้จะเปิดในโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ก็ตาม

คดีดังกล่าวถูกยื่นฟ้องร้องตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาโดยโจทก์ทั้งหมด 3 คนกล่าวว่า Google ดึงข้อมูลของผู้ใช้งานผ่าน Google Analytics, Google Ad Manager รวมถึงแอปพลิเคชันอื่น ๆ, ปลั๊กอินของเว็บไซต์ รวมถึงแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนด้วย โดยไม่คำนึงว่าผู้ใช้งานจะกดโฆษณาของ Google Ads หรือไม่ โดยโจทก์อ้างว่า Google หลอกลวงให้ผู้ใช้งานเชื่อว่าตนมีอำนาจเหนือข้อมูล และยังมีการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานแม้กระทั่งในโหมดไม่ระบุตัวตนด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดกฏหมายอย่างชัดเจน

โจทก์กล่าวว่า ความเสียหายนี้ครอบคลุมผู้ใช้งานมากถึงหลักล้านคนนับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนของปี 2016 ซึ่งมีการเสนอค่าเสียหายให้ผู้ใช้งานที่ได้รับความเสียหายในครั้งนี้มากถึง 5,000 ดอลลาร์ต่อคนที่มีการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน

ด้าน Google พยายามหลกเลี่ยงความผิดในคดีนี้โดยการโยนความรับผิดชอบให้ตกเป็นของผู้ใช้งาน โดยกล่าวอ้างว่าผู้ใช้งานได้ยอมรับเงื่อนไขหรือนโยบายของบริษัทซึ่ง Google ระบุว่าในนโยบายนั้นมีการระบุแนวทางการปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

“บริษัทกล่าวอย่างชัดเจนแล้วว่าโหมดไม่ระบุตัวตน ไม่ได้หมายความว่า ไร้ร่องรอย (‘Incognito’ does not mean ‘invisible,’) และที่สำคัญ เจ้าของเว็บไซต์อาจทราบได้ว่าผู้ใช้งานกำลังทำอะไรเมื่อเปิดเว็บไซต์นั้น ๆ อยู่ ซึ่งรวมถึงปลั๊กอินหรือส่วนขยายที่มีการเก็บข้อมูลสถิติการใช้งานรวมถึงบริการเกี่ยวกับการโฆษณาด้วย” – Google กล่าวในชั้นศาล

อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษา ลูซี่ โคห์ (Lucy Koh) ตัดสินว่า Google ไม่ได้แจ้งให้ผู้ใช้งานทราบก่อนว่า Google Chrome มีการเก็บข้อมูลในโหมดไม่ระบุตัวตน ซึ่งฝั่ง Google รายงานว่าจะปกป้องบริษัทอย่างเต็มที่จากการฟ้องร้องดังกล่าว

ต้องรอติดตามว่าคดีนี้จะจบลงอย่างไรครับ

อ้างอิง MacRumors

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส