หลังจากที่มีไฟล์สำหรับติดตั้ง Windows 11 หลุดออกมา (ซึ่งไม่ใช่ไฟล์ที่ปล่อยจาก Microsoft เอง หากใครอยากลองตอนนี้ ควรสำรองข้อมูลของท่านก่อน) และทางเราได้ทดสอบให้เห็นหน้าตาแล้ว
ก็มีคำถามว่า สามารถอัปเกรดจาก Windows 10 ได้ฟรีไหม หรือว่าต้องซื้อ Windows 11 ใหม่ (เหมือนสมัยก่อนที่ออก Windows รุ่นใหม่ก็ต้องซื้อใหม่ จนกระทั่ง Windows 10 ออกมาให้ผู้ใช้ Windows 7 และ 8/8.1 เดิมอัปได้ทันที) ทางเราก็จะทำการทำสอบให้โดยการลง Windows 10 ของแท้ไว้ก่อน
และทำการรันไฟล์ Setup ติดตั้งเลยโดยไม่ล้างเครื่อง ขึ้นว่าสามารถอัปเกรดได้
สามารถอัปเกรดได้ปกติเลย โดนที่สถานะการ Activate ยังปกติ
แต่อย่างไรก็ตามเราก็ได้ทำการทดสอบกับหลาย ๆ เครื่อง ก็พบว่าบางเครื่องอัปเกรดไม่ได้ ติดปัญหาเรื่อง TPM 2.0
และบางเครื่องก็ไม่ระบุสาเหตเลยว่าทำไม่อัปเกรดไม่ได้
แต่ก็มีทางแก้นะครับ
แนวทางแก้ปัญหาในเครื่องที่อัปเกรดไม่ได้
ขอย้ำว่าวิธีเหล่านี้เราทดสอบแล้วใช้ได้ แต่อาจไม่สามารถใช้ได้กับทุกเครื่อง และไม่รับประกันผลข้างเคียงที่ตามมา แม้ว่าเราจะทดสอบแล้วไม่มีัปัญหา
เตรียมไฟล์ ISO Windows 10 ก่อนจากนั้นทำการแตกไฟล์ เข้าไปที่ Folder “Source” ก็อปไฟล์ชื่อ “appraiserres.dll”
และนำไปวางทับไฟล์เดิมที่อยู่ในตัวติดตั้ง Windows 11 ที่อยู่ใน Folder ชื่อ “Source” ของไฟล์ติดตั้งที่ผ่านการแตกหรือทำเป็น USB, DVD แล้ว
จากการที่ทดสอบสามารถแก้ปัญหาอัปเกรดไม่ได้ทั้งสองกรณีได้เลยครับ โดยไม่ควรต่อเน็ตระหว่างติดตั้ง
อ้างอิง: xezrunner สมาชิกเว็บ Reddit.com
หากยังไม่ได้ มีอีกวิธีแก้คือ ใช้ตัวติดตั้ง Windows 10 แทนตัวติดตั้ง Windows 11 และให้ก็อปไฟล์ install.wim ที่ Folder “Source” จากไฟล์ติดตั้ง Windows 11 ไปวางทับในโฟล์เดอร์เดียวกันบนตัวติดตั้ง Windows 10 แล้วนำไปติดตั้ง และไม่ควรต่อเน็ตระหว่างติดตั้งเช่นเดียวกัน
สรุป
มีความเป็นได้สูงว่า Windows 11 ที่อาจจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ อาจยังคงให้ผู้ใช้ Windows 10 เดิมแบบ OEM และ FPP อัปเกรดได้โดยไม่ต้องซื้อลิขสิทธิ์ใหม่
แต่ขอย้ำอีกครั้ง นี่คือไฟล์หลุด ยังไม่ใช่ไฟล์อย่างเป็นทางการจาก Microsoft ใครคิดจะลงไม่รับประกันความปลอดภัยและความเสถียรนะครับ ต้องรอดูการเปิดตัวจริงอีกที แต่ว่าอย่างน้อยทำให้ “สบายใจ” ในระดับนึงเพราะมีแนวโน้มว่าอาจปล่อยให้ผู้ใช้ Windows 10 เดิมอัปเกรดได้ทันที
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส