Firefox เป็นหนึ่งในเบราเซอร์ทางเลือกที่เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ Linux แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมากลับพบว่า Firefox ได้สูญเสียผู้ใช้งานไปกว่า 46 ล้านราย!
ตัวเลขดังกล่าวมาจากรายงานของทาง Mozilla เอง ซึ่งเผยว่า ตอนสิ้นปี 2018 Firefox มีผู้ใช้งานจำนวน 244 ล้านราย แต่ต่อมาผู้ใช้กลับมีจำนวนลดลงเรื่อย ๆ จนล่าสุดในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 เหลือผู้ใช้งานเพียง 198 ล้านรายเท่านั้น
อ้างอิงจาก Statcounter พบว่า ปัจจุบัน Firefox มีส่วนแบ่งผู้ใช้งานในเดสก์ท็อป มือถือ และแท็บเล็ต เพียง 3.45% ตามหลังอันดับ 1 และ 2 อย่าง Chrome และ Safari ที่มีส่วนแบ่งสูงถึง 65.17% และ 18.67% ตามลำดับ
ยุครุ่งเรืองที่สุดของ Firefox คือช่วงปลายปี 2009 (7 ปีหลังจากเปิดตัว) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ Internet explorer ยังคงเป็นเบราว์เซอร์ที่มีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับหนึ่ง โดยในตอนนั้น Mozilla เป็นที่นิยมจนมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 32% ในขณะที่ IE มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 56%
หลังจากเป็นหนึ่งในเบราว์เซอร์ยอดนิยมได้ไม่นาน ในช่วงกลางปี 2013 Firefox กลับมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงกว่าครึ่ง จากความนิยมของ Chrome ที่พุ่งทะยานขึ้นมาเป็นอันดับ 1
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความนิยมของ Firefox ลดลงเป็นเพราะคู่แข่งอย่าง Chrome, Edge, Safari ได้กลายเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นของ Android, Windows และอุปกรณ์ Apple อีกทั้งบริษัทเหล่านี้ยังพยายามดึงผู้ใช้งานให้มาใช้งานเบราว์เซอร์ของตนเองมากขึ้น เช่น ปีที่ผ่านมาที่ Chrome Web Store เตือนผู้ใช้ถึงความไม่ปลอดภัยจากการใช้ Edge และแนะนำให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนเบราว์เซอร์ เป็นต้น
นอกจากนั้นการที่ผู้ใช้งาน Firefox ลดน้อยลง ยังอาจมาจากการที่บริษัทตัดสินใจและดำเนินการผิดพลาด เช่น การไม่ค่อยอัปเดตประสิทธิภาพของเบราว์เซอร์ และยังไม่มีการพลิกโฉมเบราว์เซอร์ให้มีจุดเด่นเพื่อดึงดูดผู้ใช้งาน เป็นต้น
อ้างอิง: Techspot
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส