DDoS Attack (Distributed Denial of Service attack) หรือการโจมตีโดยปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย คือวิธีการหนึ่งของการโจมตีระบบบนอินเทอร์เน็ตเพื่อทำให้เป้าหมายหยุดการให้บริการ โดยผู้โจมตีจะสร้างข้อมูลขยะขึ้นมาแล้วส่งไปที่ระบบเป้าหมาย กระแสข้อมูลที่ไหลเข้ามาในปริมาณมหาศาลจะทำให้ระบบเป้าหมายต้องทำงานหนักขึ้น และหยุดทำงานลงเมื่อเกินระดับที่รับได้ ส่งผลให้ผู้ใช้ไม่สามารถใช้บริการระบบเป้าหมายได้ตามปกติ
รายงานล่าสุดจาก Azure Networking เผยว่ามีการถูก DDoS Attack ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาและนับเป็นการโจมตีครั้งที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ Microsoft ซึ่งทาง Microsoft สามารถป้องกันและลดความรุนแรงลงไปได้
ทางบริษัทระบุว่า การโจมตีครั้งนี้มาจากแหล่งผู้โจมตีถึง 7,000 แหล่งจากแถบเอเซีย-แปซิฟิก ซึ่งรวมถึงมาเลเซีย เวียดนาม ไต้หวัน ญี่ปุ่น จีน และมีสหรัฐอเมริกาที่มีการเกี่ยวข้องในบางส่วน
DDoS attack ครั้งใหญ่ครั้งนี้มาในลักษณะ การโจมตีอย่างรวดเร็ว 3 ภายใน 10 นาที การโจมตีครั้งแรกเป็นข้อมูลมหาศาลถึง 2.4 Tbps ครั้งที่ 2 ที่ 0.55 Tbps และครั้งที่ 3 ที่ 1.7 Tbps โดยหากการโจมตีสำเร็จและทำให้ระบบเข้าสู่โหมดออฟไลน์ ผู้ไม่ประสงค์ดีก็อาจจะฝังมัลแวร์ลงในอุปกรณ์ที่อยู่ในเครือข่ายที่ถูกโจมตี และเข้าควบคุมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้
อย่างไรก็ตาม Microsoft ยืนยันว่า ผู้โจมตีไม่สามารถเจาะผ่านระบบโครงสร้างพื้นฐาน Azure Networking ที่ถูกสร้างมาให้สามารถรองรับปริมาณ DDoS Attack ระดับสูงสุดได้
การถูกโจมตีครั้งนี้นับเป็นการโจมตีครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ตามหลัง Google ที่ถูก DDoS Attack ด้วยข้อมูลปริมาณมหาศาลถึง 2.54 Tbps ในปี 2017
อ้างอิง: Techspot
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส