ไอแซค เบ็นเบนิสตี (Isaac Benbenisti) ที่กำลังจะมารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริษัทของ NSO Group ผู้พัฒนาแอปสอดแนมจากอิสราเอล ประกาศลาออกจากตำแหน่งและลาออกจากบริษัทกลางคัน หลังจากบริษัทถูกขึ้นแบล็กลิสต์ทางเศรษฐกิจโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
เบ็นเบนิสตีระบุในจดหมายลาออกถึง อัชเชอร์ เลวี (Asher Levy) ประธาน NSO Group ว่า “เขาไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารต่อไปในขณะที่ปรากฎสภาวการณ์พิเศษได้”
เดิมทีเบ็นเบนิสตีถูกวางตัวไว้ให้มารับตำแหน่งต่อจากชาเฮฟ ฮูลิโอ (Shalev Hulio) ที่เป็นทั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนปัจจุบันและเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท โดยฮูลิโอจะไปดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการและประธานระดับโลกของบริษัทต่อไป
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับบริษัทระบุว่า วิกฤตการณ์ที่บริษัทเผชิญกับสหรัฐฯ ทำให้ฮูลิโอตัดสินใจจะดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารต่อไป ด้วยเหตุนี้ เบ็นเบนิสตีตัดสินใจลาออก
ทั้งนี้ NSO Group ถูกสหรัฐฯ ขึ้นแบล็กลิสต์ทางเศรษฐกิจก็เพราะกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ เห็นว่าว่าทางบริษัทได้ดำเนินการที่สวนทางกับผลประโยชน์ในด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ การขึ้นแบล็กลิสต์นี้จะส่งผลให้บรรดาธุรกิจในสหรัฐฯ ไม่สามารถส่งออกเทคโนโลยีบางประเภทให้แก่บริษัทได้
โดยก่อนหน้านี้ มีการค้นพบว่าซอฟต์แวร์ของ NSO Group โดยเฉพาะ Pegasus ถูกใช้ในการแฮกสมาร์ตโฟนของนักหนังสือพิมพ์ นักการเมือง นักเคลื่อนไหว ผู้นำประเทศ และผู้นำทางธุรกิจทั่วโลก นำไปสู่การรั่วไหลของหมายเลขโทรศัพท์มากกว่า 50,000 หมายเลข ในจำนวนนี้มีอดีตภรรยาและบุตรสาวของเจ้าผู้ครองนครดูไบ แอมมานูแอล มาครง (Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และอดีตคู่หมั้นของ จามัล คาชอกกี (Jamal Khashoggi) คอลัมนิสต์ Washington Post ที่ถูกสังหารโดยเจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบีย
ที่มา Al-Monitor
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส