Apple ส่งอีเมลแจ้ง The Verge ว่า บริษัทได้กลับมาใช้ข้อกำหนดให้ลูกค้าที่เข้าร้านค้า Apple (ในสหรัฐฯ) ต้องใส่หน้ากากและจะจำกัดจำนวนลูกค้าในร้านค้า เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น
ท่ามกลางเคสที่เพิ่มขึ้นในชุมชน ตอนนี้เราต้องให้ลูกค้าร่วมกับพนักงานในการใส่หน้ากากขณะเยี่ยมชมร้านค้าของเรา
ในเดือนพฤศจิกายนอัตราผู้ได้รับวัคซีนในสหรัฐฯ นั้นเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ลดน้อยลง Apple จึงยกเลิกการใส่หน้ากากสำหรับลูกค้าที่เข้ามาที่ร้านค้า Apple ในอเมริกา อย่างไรก็ตามพนักงานยังคงต้องใส่หน้ากากอยู่เช่นเดิม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Apple ยกเลิกการใส่หน้ากากแล้วกลับมาตั้งข้อกำหนดให้ลูกค้าใส่หน้ากากใหม่ หากย้อนไปเมื่อเดือนมิถุนายน Apple ได้ยกเลิกการใส่หน้ากากในบางร้านค้า แต่สุดท้ายก็กลับมาใช้ข้อกำหนดการใส่หน้ากากอีกครั้งในเดือนต่อมา
ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาหลังจากวัน Black Friday (วันศุกร์หลังเทศกาลขอบคุณพระเจ้า) มีรายงานการระบาดของโควิด-19 จากหนึ่งในร้านค้า Apple ในเมืองเซาท์เลค รัฐเท็กซัส โดยมีพนักงานในร้านค้าติดเชื้อจำนวน 22 คน ซึ่งพนักงานเผยว่า ในวันนั้นลูกค้าไม่ได้ใส่หน้ากาก ซ้ำยังมีลูกค้าในร้านจำนวนมากจนใกล้ชิดกันแบบไหล่ชนไหล่เลยทีเดียว นี่จึงอาจเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ Apple ตัดสินใจให้ลูกค้าต้องใส่หน้ากากเมื่ออยู่ในร้านค้า Apple นั่นเอง
อ้างอิง: PhoneArena
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส