Lenovo ถือเป็นค่ายโน้ตบุ๊กอีกหนึ่งค่ายที่มักจะหยิบเอาเทคโนโลยีล้ำ ๆ ของโน้ตบุ๊ก มาโชว์เป็นประจำทุกปีในงาน CES ซึ่งในปีนี้ (2022) Lenovo ก็มาพร้อมกับเซอร์ไพรส์ใหม่ กับ ThinkBook Plus Gen 3 โน้ตบุ๊กที่มี 2 หน้าจอในตัวเดียว แถมยังวาดเขียนได้อย่างกับแท็บเล็ต (แต่ถอดออกมาไม่ได้นะ) ถือเป็นอะไรที่แปลกใหม่ แต่ไม่ใช่เจ้าแรกที่เอาหน้าจอที่ 2 มาใส่ลงในโน้ตบุ๊ก คนที่ทำมาก่อนหน้าก็คือ ASUS
เจาะเรื่องรายละเอียดกันกับ Lenovo ThinkBook Plus Gen 3 กันหน่อย ต้องบอกว่าคนที่เป็นสายวาดเขียน (Digital Artist) ต้องถูกใจกับหน้าจอที่ 2 ขนาด 8 นิ้วความละเอียด HD (800×1280) ที่ให้มาแน่นอน เพราะสามารถทัชสกรีนจอ และวาดเขียนด้วยปากกาสไตลัส 2 แบบคือ Lenovo Pen และ Lenovo E-color pen (เอาไว้ดูดสี) ความพิเศษของปากกาคือ มีช่องเก็บในเครื่องด้วยนะ ไม่ต้องไปหาที่แปะหรือเก็บแยกให้เสี่ยงสูญหาย
โดยตำแหน่งของหน้าจอที่สองจะอยู่ทางขวามือของตัวเครื่อง เพื่อให้เหมาะกับการใช้ปากกาด้วยมือขวา ส่วนคีย์บอร์ดและทัชแพดทั้งหมดจะถูกเลื่อนไปอยู่ชิดฝั่งซ้าย คิดว่าถ้าได้ใช้จริง ๆ อาจจะรู้สึกไม่ชินเพราะปกติแถบพวกนี้จะอยู่กลางตัวเครื่อง แล้วถ้าใครถนัดจับปากกามือซ้ายน่าจะมีปัญหาในการใช้งาน
ประโยชน์ของหน้าจอ นอกจากจะเอาไว้วาดเขียนแล้ว ยังสามารถแยกหน้าจอแชตจากโปรแกรมต่าง ๆ มาวางไว้เพื่อให้ง่ายต่อการโต้ตอบ และยังตั้งแอปที่ใช้บ่อย ๆ ไว้เพื่อให้เรียกใช้งานได้สะดวก รวมถึงเปิดโปรแกรมคิดเลขไว้ เพื่อใช้คำนวณได้เช่นกัน และจากที่เห็นใน Teaser video จะสามารถเอามือถือมาซิงก์ภาพหน้าจอได้ด้วย ถือว่าน่าสนใจเลยนะ
มาดูสเปกของหน้าจอหลักกันบ้าง IPS ขนาด17.3 นิ้ว ความละเอียด 3K (3072×1440) ที่ลื่นไหลแบบ 120Hz และแสดงสีได้ 100% DCI-P3 โดยมีสัดส่วนแบบ 21:10 กว้างกว่าหน้าจอโน้ตบุ๊กทั่ว ๆ ไป ซึ่งดูเหมือนจะสวนกระแสปัจจุบันที่โน้ตบุ๊กเริ่มเปลี่ยนไปใช้จอ 3:2 กันมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็พอเข้าใจได้เนื่องจากมีการเพิ่มจอที่ 2 เข้าไป ทำให้ขนาดความกว้างเพิ่มขึ้น
สำหรับเรื่องความแรง Lenovo ThinkBook Plus Gen 3 ก็จะมาพร้อมกับซีพียู Intel Gen 12 รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมกับการ์ดจอ Intel Iris Xe ภายในตัวซีพียูเลย ส่วนแรมก็สูงสุดที่ 32GB เป็นแบบ DDR5 และหน่วยความจำก็สูงสุดที่ 1TB ตามมาตรฐานโน้ตบุ๊กยุคนี้
โดยราคาและวันวางจำหน่าย เว็บไซต์หลายแหล่งระบุตรงกันว่า จะเริ่มวางขายในต่างประเทศช่วงเดือน พฤษภาคมปีนี้ (2022) โดยราคาจะเริ่มต้นที่ $1,399 ขึ้นไป หรือประมาณ 47,000 บาท (เรตแลกเปลี่ยน 33 บาท) ส่วนจะเอาเข้ามาขายในไทยหรือไม่ หรือจะเข้ามาเมื่อไร เราคงต้องรอติดตามข่าวกันอีกที
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส