หลังจากการเปิดตัวของ Android 13 ที่เผยฟีเจอร์ต่าง ๆ จนครบถ้วนแล้ว วันนี้ (18 สิงหาคม) OPPO (ออปโป้) ได้แถลงข่าวแบบออนไลน์ เปิดตัว ColorOS เวอร์ชัน 13 ที่มีพื้นฐานบน Android 13 ในระดับโลก พร้อมการปรับดีไซน์ใหม่ ที่มีแรงบันดาลใจมาจากน้ำ พร้อมเผยอุปกรณ์ที่รองรับ ซึ่ง OPPO Find X5 Series สามารถอัปเดตเวอร์ชันเบต้าได้ตั้งแต่วันนี้ !
ดีไซน์ของ ColorOS 13
ColorOS 13 ได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ โดยได้นำเอาความเป็น ‘น้ำ’ มาเป็นพื้นฐานในการออกแบบ ทำให้ในเวอร์ชันนี้ ColorOS 13 จึงมาพร้อมดีไซน์แบบ ‘Aquamorphic Design’ (หรือแปลตรง ๆ ก็ ดีไซน์แบบการเคลื่อนไหวของน้ำนั่นเอง) นอกจากนั้น ดีไซน์ของ UI ภายใน ColorOS 13 จะเปลี่ยนไปใช้แบบการ์ด (Card) มากยิ่งขึ้น กล่าวคือเป็นการตีกรอบให้ UI ของแต่ละส่วนภายในระบบนั้นอยู่เป็นสัดส่วนมากขึ้น
นอกจากนั้น ยังได้มีการเปลี่ยนขนาดของฟอนต์ใหม่ ทำขนาดฟอนต์ให้กว้างขึ้นอีกเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความสบายตาในการอ่านมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะในภาษาไหนอีกด้วย
ในส่วนของแอนิเมชันเอง ก็ได้มีการนำเอาการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลเหมือนสายน้ำ (ตามที่เขาบอกมานะ) และการใช้แอนิเมชันแบบคลื่น ที่เพิ่มความเป็นเกลียวคลื่นเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นในแอปการจัดการอุปกรณ์ หรือระหว่างการชาร์จแบตเตอรีก็ตาม รวมถึงในแอประบบอย่างเช่นนาฬิกา ก็ได้มีการทำดีไซน์แอนิเมชันเพิ่มเติม ให้ปรับมุมของแสงเงาตามเวลาพระอาทิตย์ขึ้น และตกด้วย
ส่วนไอคอนของ UI ในหน้าหลัก ก็ได้มีการเพิ่มความเป็นเกลียวคลื่นแบบ Aquamorphic Design เพิ่มเข้าไป เพื่อให้ไอคอนของระบบนั้นจดจำได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย
นอกจากนั้น ยังได้มีการปรับหน้าตาของ UI ให้รองรับการแสดงผล และใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ที่มีหน้าจอใหญ่ขึ้น อย่างแท็บเล็ต ให้มีหน้าตาของแอปที่เหมือนกับคอมพิวเตอร์มากขึ้นด้วย โดยในงานเปิดตัวได้มีตัวอย่างเป็นแอปอัลบั้มภาพ ที่จะใช้พื้นที่หน้าจอที่เพิ่มขึ้นในการแสดงหมวดหมู่ของภาพ เป็นต้น
และในส่วนของ Bitmoji ก็ได้มีการอัปเดตรูปหน้า หน้าตา และเครื่องแต่งกายเพิ่มเติม รวมถึงได้เพิ่มฟีเจอร์ให้เซฟ Bitmoji ของเพื่อนเป็นภาพคนโทรเข้า-ออก เพื่อให้แสดงผลเวลาเพื่อนโทรมาหา เป็นแอนิเมชันเพิ่มเติมได้ด้วย
การเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานที่เพิ่มเข้ามาใน ColorOS 13
นอกจากดีไซน์ที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมแล้ว ยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพ (Optimization) ในการใช้งาน ColorOS 13 ให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ ผ่านระบบ Dynamic Computing Engine ที่จะช่วยจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ในเครื่อง เช่น CPU การ์ดจอ และแรม ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพขึ้น หรือประหยัดทรัพยากรมากยิ่งขึ้น ตามการใช้งานของเรา ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้นกว่าเดิม ทางออปโป้เคลมว่าระบบนี้ ทำให้สามารถใช้ OPPO Find X5 Pro ได้นานถึง 34 ชั่วโมงจากการใช้งานทั่วไปเลยทีเดียว
นอกจากนั้นยังได้มีฟีเจอร์ที่เพิ่มการทำงานให้อัจฉริยะมากยิ่งขึ้น (Smart Productivity) อย่างเช่นการฉายภาพบนสมาร์ตโฟน OPPO ขึ้นไปบนแท็บเล็ตของ OPPO , การคัดลอกข้อความข้ามอุปกรณ์ (ฟีเจอร์ของ Android 13), การเชื่อมต่อหลายจอ และการคัดลอกข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เข้าไปในสมาร์ตโฟนภายในการลากครั้งเดียว เป็นต้น
รวมถึงใน Always-on Display ก็ได้มีการอัปเดตฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่นการแสดงผลแบบ 1Hz ในหน้าจอที่รองรับจอแบบ LTPO 2.0, การรองรับการแสดงผล เครื่องเล่นเพลง ที่ได้ร่วมมือกับ Spotify เพื่อพัฒนาขึ้น หรือการโชว์ Bitmoji ของ Snapchat บนหน้า Always-on Display หรือการแสดงการใช้งานของเรา ว่าเราใช้งานสมาร์ตโฟน เปิดหน้าจอบ่อยแค่ไหนอีกด้วย
นอกจากนั้นยังได้มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอื่น ๆ อย่างเช่น Auto Pixelate ที่จะเบลอข้อความบางอย่างที่ละเอียดอ่อนได้ จากการกดครั้งเดียวหลังถ่ายภาพหน้าจอ หรือระบบ Private Safe โฟลเดอร์เก็บข้อมูลแยก ที่ปลอดภัยยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
แล้วรุ่นไหนได้ไปต่อใน ColorOS 13 บ้างนะ ?
ทางออปโป้ได้อธิบายว่า ColorOS 13 นั้นจะเป็น 1 ในเวอร์ชันที่จะอัปเดตให้กับอุปกรณ์ได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยจะอัปเดตให้กับกว่า 35 อุปกรณ์ ภายในสิ้นปี 2565 นี้ โดย OPPO Find X5 (เฉพาะต่างประเทศ) และ OPPO Find X5 Pro จะสามารถอัปเดตเวอร์ชันเบต้าได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเลย ! ส่วนในอุปกรณ์อื่น ๆ เช่นรุ่น Find X3 Pro, Reno 8 Pro 5G จะได้อัปในเดือนกันยายนต่อไป ซึ่งอุปกรณ์ที่รองรับ ColorOS 13 ก็ตามภาพด้านล่างนี้เลย !
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส