เดินทางมาถึงรุ่นที่ 7 แล้ว สำหรับสมาร์ตโฟนเกมมิงจากไต้หวันอย่าง ASUS ROG Phone 7 Series ที่รอบนี้ออกมา 2 รุ่น คือ ROG Phone 7 และ ROG Phone 7 Ultimate ที่ได้อัดเต็มมารอบด้านทั้งภาพ เสียง ไปจนถึงสเปกข้างใน ! แถมยังได้เปิดตัวพัดลม AeroActive Cooler 7 ที่นอกจากจะทำเครื่องให้เย็นลงแล้ว ยังเป็นลำโพง Subwoofer ในตัวได้อีกต่างหาก !
อย่างแรกที่ใส่สุดใน ROG Phone 7 Series (ทั้ง 2 รุ่น) ก็คือเรื่องของสเปกภายในเครื่อง โดยได้ให้ชิปเซตมาเป็น Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2, RAM ขนาดสูงสุด 16GB LPDDR5X, ROM ขนาดสูงสุด 512GB UFS 4.0 รวมถึงได้มี X-Mode ซึ่งเป็นโหมด Overclock ของ ROG Phone มาสักพักแล้ว แต่ครั้งนี้มาพร้อมกับการปรับแต่ง X-Mode ใหม่ ที่จะเพิ่มความสมดุลระหว่างความประหยัดพลังงาน และประสิทธิภาพ, การจัดการเทรดของ CPU ให้พร้อมกับเวลาที่เราเปิด X-Mode และการ Optimize หรือการปรับค่าตัวเครื่องให้รับกับแต่ละเกมที่อยู่บนสมาร์ตโฟนอยู่เรื่อย ๆ
ซึ่งทาง ASUS ได้เคลมไว้เองในงาน Media Briefing ว่าจะทำให้เครื่องเร่งประสิทธิภาพได้ดีกว่าสมาร์ตโฟนรุ่นอื่น ๆ ที่ใช้ชิปเซต Snapdragon 8 Gen 2 เหมือนกัน (ผ่านการทดสอบ CPU ใน Antutu และ Geekbench) แถมยังได้บอกว่าตัวเครื่องจะรองรับการ Ray Tracing ในเกมที่รองรับ ผ่าน Snapdragon Elite Gaming อีกด้วย
เรื่องความร้อน ทาง ASUS ก็บอกว่าได้ปรับระบบระบายความร้อนภายในเครื่องมาใหม่ด้วยการวางแผ่นกราไฟต์ทั้งหน้าและหลังเครื่อง, แผ่น Vapor Chamber ที่จัดเรียงด้านในใหม่ออกมาเป็น ‘Rapid-Cycle Vapor Chamber’ ที่จะวนเวียนสลับกันระหว่างน้ำที่ระเหย และควบแน่นกลับมาเป็นน้ำภายในแผ่นทองแดงนั้นให้เร็วมากขึ้น ทำให้จัดการอุณหภูมิได้ดีขึ้น แต่ถ้ายังร้อนอยู่ ก็สามารถติดพัดลม AeroActive Cooler 7 รุ่นใหม่ที่เปิดตัวพร้อมกันได้
เรื่องเสียงเองก็จัดเต็มไม่แพ้กัน ด้วยลำโพงคู่ที่ส่งเสียงด้านหน้า, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., การรองรับ High-Res Audio, High-Res Audio Wireless, Codec Bluetooth ทั้ง aptX, aptX Adaptive และ Snapdragon Sound ส่วนหน้าจอของ ROG Phone 7 Series นั้นได้ใช้เป็นพาแนล AMOLED ของ Samsung รีเฟรชเรต 165Hz, Touch Sampling 720Hz, สว่างสูงสุด 1,500 nits, ความแม่นยำของสีที่ 111% DCI-P3, Delta-E < 1 ขนาด 6.78 นิ้วที่ความละเอียด 2448 x 1080 พิกเซล (FHD+)
กล้องของ ROG Phone 7 Series นั้นประกอบไปด้วยเลนส์หลักขนาด 50 ล้านพิกเซล (IMX766), เลนส์มุมกว้างขนาด 13 ล้านพิกเซล และเลนส์มาโครขนาด 5 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าขนาด 32 ล้านพิกเซล และมีแบตเตอรี่แบบเซลล์คู่ ขนาดรวม 6,000 mAh พร้อมมาตรฐานชาร์จไว Quick Charge 5.0 และ PD สูงสุด 65W อีกด้วย
ฟีเจอร์อื่น ๆ ก็ถือว่ายังจัดเต็มเหมือนเดิม ทั้ง Air Trigger ด้านบนตัวเครื่อง และฟีเจอร์ใหม่ใน Game Genie ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ HUD ที่ครอบทับเกมของ ROG Phone ที่ประกอบไปด้วย
- X Sense : ตรวจจับเกมที่เรากำลังเล่นอยู่ แล้วส่งแจ้งเตือนเหตุการณ์สำคัญภายในเกม เช่นถ้ามีรูนดรอปอยู่ตรงไหน ตัวเครื่องก็จะแจ้งเตือนบอกเราได้ (จากการสอบถามของผู้เขียน ทาง ASUS แจ้งว่า ถ้ามีการแข่งเราสามารถบังคับผ่าน Esport Mode ที่จะปิดทุกอย่างที่จะส่อไปทางโกงได้)
- X Capture : ระบบตรวจจับเหตุการณ์สำคัญภายในเกม และอัดวิดีโอหน้าจอของเราขณะที่เราอยู่ในช่วงสำคัญภายในเกมให้แบบอัตโนมัติ (เช่นเก็บคิลได้, เกมชนะ, จังหวะสำคัญในเกม เป็นต้น)
- Background Mode : ที่จะเปิดเกมที่เราต้องการเอาไว้ในพื้นหลัง และยังใช้กับเกมที่เปิด Auto ได้
โดยทั้ง 2 รุ่นนั้นไม่ได้มีสเปกทั้งหมดที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ ที่แตกต่างกันมากนัก จะต่างก็ตรงที่ใน ROG Phone 7 Ultimate จะมีฟีเจอร์ที่ใกล้เคียงกับ ROG Phone 6D Ultimate ที่แบไต๋เราเคยได้รีวิวไป ที่จะมีช่องรับลมจากพัดลม AeroActive Cooler ที่ชื่อ ‘AeroActive Portal’ ซึ่งเมื่อต่อพัดลม AeroActive Cooler เข้าไปแล้ว ช่องนี้จะเปิดออกผ่านมอเตอร์ ส่งลมจากพัดลม ผ่านฟินทองแดง เข้าไปเป่าตัวบอร์ดโดยตรง ให้อุณหภูมิตัวเครื่องเย็นลงกว่าเดิม และหน้าจอ ROG Vision ด้านหลังตัวเครื่องที่จะให้เราเปลี่ยนภาพด้านหลังเครื่องได้ตามที่แอปฯกำหนดไว้ รวมถึงให้เปลี่ยนภาพตามสถานการณ์ก็ได้เช่นกัน ซึ่งทำให้ดีไซน์ฝาหลังของทั้ง 2 รุ่นแตกต่างกัน
พัดลม AeroActive Cooler 7 ที่เปิดตัวมาพร้อมกันนั้น นอกจากจะทำหน้าที่ให้ความเย็นให้กับตัวเครื่อง (โดยเฉพาะใน ROG Phone 7 Ultimate) แล้ว ยังทำหน้าที่เป็น Subwoofer ทำให้ตัวเครื่องเป็นระบบสเตอริโอแบบ 2.1 Channel ไปในตัวด้วย ซึ่งตัวมันเองยังมีพอร์ต USB-C และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ให้สามารถต่อโดยตรงผ่านพัดลมได้ โดยไม่ต้องต่อด้านข้างเลย
โดย ASUS ROG Phone 7 เปิดตัวที่ราคา 999 ยูโร (ประมาณ 37,600 บาท) ที่ความจุเริ่มต้น (12/256GB) โดยไม่รวม AeroActive Cooler 7 มาให้ในกล่อง ในขณะที่ ASUS ROG Phone 7 Ultimate มีเฉพาะรุ่นความจุ 16/512GB เปิดตัวที่ราคา 1,399 ยูโร (ประมาณ 52,600 บาท) ซึ่งแถมพัดลม AeroActive Cooler 7 มาให้ในกล่องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้าใครที่สนใจอาจจะต้องรอหน่อย เพราะตอนนี้ยังไม่ได้มีการประกาศวันจำหน่ายในประเทศไทยที่ชัดเจนออกมา
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส