Vivo ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงซีรีส์ X100 ซึ่งประกอบด้วย X100 และ X100 Pro ที่ประเทศจีน โดยเป็นสมาร์ตโฟนซีรีส์แรก ๆ ที่ได้รับการติดตั้งชิปเซตระดับพรีเมียมที่สุดของ MediaTek ในขณะนี้อย่าง Dimensity 9300 อีกทั้งรุ่น X100 Pro ยังได้รับการอัปเกรดประสิทธิภาพกล้องอย่างน่าประทับใจ โดยใช้เลนส์ Zeiss APO ระยะโฟกัส 100 มม. สำหรับกล้อง Periscope
APO ย่อมาจาก Apochromatic คือ เลนส์ที่ได้รับการออกแบบและจัดเรียงชิ้นเลนส์แบบพิเศษ ซึ่งทำให้เก็บค่าสีได้ดียิ่งขึ้น และแก้ปัญหาความคลาดเคลื่อนของภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเลนส์ปกติทั่วไป
X100 และ X100 Pro มาพร้อมดีไซน์ที่ใกล้เคียงกัน โดยมาพร้อมแผงหน้าจอ AMOLED แบบ LTPO 8T ขนาด 6.78 นิ้ว ขอบจอโค้ง ความละเอียด 1260p พร้อมรองรับค่าสีระดับ 10 บิต, ปรับรีเฟรชเรตจาก 1 – 120 Hz, ความสว่างสูงสุด 3,000 Nit และติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้แผงหน้าจอ รวมถึงเจาะรูเพื่อติดตั้งกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
สิ่งที่ต่างออกไปคือ X100 Pro ได้รับการติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล โดยโมดูลกล้องหลักใช้เซนเซอร์ Sony IMX989 ขนาดใหญ่ถึง 1 นิ้ว ทำให้เก็บแสงได้มากขึ้น เสริมด้วยโมดูลกล้องซูมแบบ Periscope ซึ่งได้รับการติดตั้งเลนส์ Telephoto ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโดย Zeiss APO เป็นรุ่นแรกของโลก โดยมีรูรับแสง f/2.57 และระยะโฟกัสเทียบเท่ากับ 100 มม ทำให้สามารถซูมแบบไม่เสียความละเอียดภาพได้ 4.3x และซูมแบบดิจิทัลได้ 100x
โมดูลกล้องตัวที่ 3 เป็นกล้อง Ultrawide ที่มีระยะโฟกัสเทียบเท่ากับ 15 มม. พร้อมรูรับแสง f/2.0 โดยโมดูลกล้องทั้ง 3 ตัวนั้น ได้รับการเคลือบผิวเลนส์ ZEISS T* ที่ทาง Vivo อ้างว่าช่วยลดการสะท้อนของแสงลง 50% เมื่อเทียบกับเลนส์ที่ใช้ใน Vivo X90
นอกจากนี้ยังได้รับการติดตั้งชิปประมวลผล V3 ระดับ 6 นาโนเมตร รุ่นล่าสุดของ Vivo ที่รองรับบันทึกและประมวลผลวิดีโอแบบ Portrait ความละเอียด 4K
ส่วน X100 ก็มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวเช่นกัน แต่โมดูลกล้องหลักใช้เลนส์ Sony IMX920 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/1.57 พร้อมด้วยโมดูลกล้อง Telephoto ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ขนาด 1/2 นิ้ว รองรับการซูม 3x และโมดูลกล้อง Ultrawide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ระยะโฟกัส 15 มม. และยังคงได้รับการเคลื่อบผิวเลนส์ ZEISS T* บนเลนส์ทั้ง 3 ตัว เช่นกัน
ในส่วนของการประมวลผลนั้น X100 และ X100 Pro ได้รับการติดตั้งชิปเซต MediaTek Dimensity 9300 ความเร็วสูงสุด 3.25 GHz ที่ได้รับการทดสอบเบื้องต้นปรากฏว่ามีความเร็วสูงกว่า Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 เล็กน้อย ซึ่งประมวลผลร่วมกับแรม LPDDR5T สูงสุด 16 GB และสตอเรจ UFS 4.0 สูงสุด 1 TB บนซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ OriginOS 4 ที่อ้างอิงพื้นฐานจาก Android 14
X100 ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จไวที่ 120 W ในขณะที่ X100 Pro มีแบตเตอรี่ขนาด 5,400 mAh ที่องรับเทคโนโลยีชาร์จไวที่ 100 W และชาร์จไร้สายที่ 50 W โดยทั้ง 2 รุ่น รองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 (ป้องกันน้ำจืดลึก 1.5 เมตร ได้นาน 30 นาที) พร้อม IR Blaster, รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4
Vivo X100 มีราคาเริ่มต้นที่ 3,999 หยวน (ประมาณ 19,800 บาท) สำหรับความจุ 12/256 GB ไปสูงสุดที่ 5,099 หยวน (ประมาณ 25,200 บาท) สำหรับความจุ 16 GB/ 1 TB
สำหรับ X100 Pro มีราคาเริ่มต้นที่ 4,999 หยวน (ประมาณ 24,700 บาท) สำหรับความจุ 12/256 GB ไปจนถึง 5,999 หยวน (ประมาณ 29,700 บาท) สำหรับความจุ 16 GB/ 1 TB
Vivo X100 และ X100 Pro จะวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2023 โดยทาง Vivo จะอัปเดตราคาจำหน่ายในตลาดระดับโลกให้ทราบต่อไป
ที่มา : GSMArena
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส