เว็บไซต์ Seeking Alpha ได้รายงานว่า นักวิเคราะห์มองว่า iPhone 11 Pro ยังไม่เป็นที่ต้องการในตลาดสมาร์ตโฟนมากนัก และ Jun Zhang นักวิเคราะห์ใน Wall Street จาก Rosenblatt Securities ได้คาดการณ์ว่า ยอดจำหน่าย iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max จะน้อยกว่า iPhone XS และ iPhone XS Max ราว 20% – 30%
ในส่วนของยอดจำหน่ายทั่วโลกก็อาจไม่สูงเท่าไรนัก เนื่องจาก iPhone รุ่นใหม่นี้ยังไม่รองรับ 5G ซึ่งจะส่งผลในแง่ลบต่อยอดจำหน่ายในประเทศจีน โดยเว็บไซต์จำหน่ายสินค้าออนไลน์ Jd.com ได้รายงานว่า iPhone 11 ที่มีราคาถูกที่สุดในซีรีส์นี้ มียอดจองอยู่ที่ 500,000 เครื่อง ในวันแรกนี้ ซึ่งน้อยกว่า iPhone XR ราว 44% (iPhone XR ที่มียอดจองในช่วงแรกถึง 900,000 เครื่อง)
ไม่เพียงแค่นั้น ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่าง Verizon, AT&T และ Sprint ยังได้รายงานว่า iPhone 11 ใหม่บางรุ่น จะได้รับการจัดส่งล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมที่ตั้งไว้ในวันที่ 20 กันยายน 2019 ดังนี้
Verizon
- iPhone 11 Pro ความจุ 256 GB จะจัดส่งถึงในวันที่ 27 กันยายน 2019
- iPhone 11 Pro ความจุ 512 GB จะจัดส่งถึงในวันที่ 9 ตุลาคม 2019
- iPhone 11 Pro Max ความจุ 64 GB สี Space Gray จะจัดส่งถึงในวันที่ 27 กันยายน 2019
- iPhone 11 Pro Max ความจุ 256 GB สีเงิน และ Midnight Green จะจัดส่งถึงในวันที่ 27 กันยายน 2019
AT&T
- iPhone 11 Pro สีเงิน จะจัดส่งถึงในระหว่างวันที่ 7 – 11 ตุลาคม 2019
Sprint
- iPhone 11 Pro สีทอง จะจัดส่งถึงในระหว่างวันที่ 4 – 11 ตุลาคม 2019
- iPhone 11 Pro Max ความจุ 64 GB สี Midnight Green จะจัดส่งถึงช่วงระหว่างวันที่ 4 – 11 ตุลาคม 2019
- iPhone 11 Pro Max สี Space Gray จะจัดส่งถึงช่วงระหว่างวันที่ 24 กันยายน – 4 ตุลาคม 2019
อย่างไรก็ดี นี่เป็นเพียงข้อมูลการเปิดจองวันแรกในต่างประเทศเท่านั้น คงต้องรอดูกันยาว ๆ ว่า iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max จะมียอดจำหน่ายมากหรือน้อยกว่า iPhone XR, iPhone XS และ iPhone XS Max เพียงไร
ข้อมูลอ้างอิง : phonearena
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส