หลังจากที่ #beartai อวดโฉมงาม ๆ ของ OnePlus Nord มือถือรุ่นใหม่จากค่าย OnePlus ที่ได้รับสมญานามว่า นักฆ่าเรือธง (Flagship Killer) วันนี้เราก็จะมาสรุปจุดเด่นด้านต่าง ๆ จากงานเปิดตัวครั้งแรกในไทยกันครับ
คอนเซปต์
OnePlus Nord มาพร้อมกับคอนเซปต์ Lite Flagship for New Gen หรือ เรือธงเบา ๆ สำหรับคนยุคใหม่ (รวมถึงราคาด้วย) โดยแยกความเป็นเรือธงออกเป็น 4 แบบ คือ Flagship Design, Flagship Experience, Flagship Camera, Flagship Quality
ดีไซน์
ต่อกันที่เรื่องของดีไซน์ OnePlus Nord ให้คอนเซปต์ด้านดีไซน์ว่า Flagship Design โดยตัวเครื่องได้รับการถอดแบบมาจากโมเดลรุ่นพี่อย่าง OnePlus 8 ทำให้ดูมีความพรีเมียม ส่วนเอกลักษณ์อย่าง Alert Slid ก็ยังคงมีอยู่ ส่วนสีก็มีให้เลือกสองสีคือ ฟ้า Blue Marble และ เทา Gray Onyx (ในรุ่น 12+128GB จะมีแค่สีฟ้า Blue Marble อย่างเดียวครับ)
ประสบการณ์ใช้งาน
ด้านประสบการณ์ใช้งาน OnePlus Nord ก็มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบทับด้วย Oxygen OS ส่วนสเปกก็ใช้หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400×1080) ที่รองรับ HDR10/10+ และปรับความสว่างได้ถึง 2048 ระดับ แต่ที่เด็ดที่สุดคือ จอนุ่มตา หรือจอตากระแดะ ที่ 90Hz
ด้านสเปกภายในก็ใช้เป็น QUALCOMM Snapdragon 765 5G ที่ในเวลานี้ยังไม่รองรับคลื่นสัญญาณ 5G ในไทย ทำให้ใช้งานได้แค่ 4G น่าเสียดายจริง ๆ ครับ คงต้องรอผู้ให้บริการเปิดคลื่นในอนาคต หรือไม่ก็ต้องรออัปเดตเฟิร์มแวร์ครับ
เรื่องแบตเตอรี่รุ่นนี้ก็มาพร้อมกับความจุ 4115 mAh พร้อมระบบชาร์จไร้สาย Warp Charging 30W ชาร์จแบต 1-70% ในเวลาเพียง 30 นาที
ใครที่อยากดูสเปกเต็ม ๆ เลื่อนดูที่ด้านล่างนี้เลย
- หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 (409 ppi)
- รีเฟรชเรตหน้าจอสูงสุด 90Hz
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G 5G (7nm)
- แรม + ความจุ 8GB + 128GB (UFS 2.1) | 12GB + 256GB (UFS 2.1)
- กล้องหลัง Quad-Camera
- ความละเอียด 48MP เลนส์ไวด์
- 8MP อัลตราไวด์
- 5MP วัดระยะ
- 2MP เลนส์มาโคร
- รองรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวความละเอียดที่ 4K 30fps / 1080p 30fps
- มีกันสั่นแบบออปติคัล – OIS (Optical Image Stabilization)
- กล้องหน้าคู่ Dual Camera ความละเอียด 32MP เลนส์ไวด์ / 8MP เลนส์อัลตราไวด์
- แบตเตอรี่ Li-Po ขนาด 4,115 mAh
- รองรับ ชาร์จเร็ว Warp Charging 30W ชาร์จแบต 1-70% ในเวลาเพียง 30 นาที
- รองรับสองซิม
- รองรับ USB-C 2.0
- รองรับการสแกนนิ้วใต้หน้าจอแบบ In-Display Fingerprint Scanner
- สี ฟ้า Blue Marble และ เทา Gray Onyx
กล้องหลัง – กล้องหน้า
ตามคอนเซปต์ Flagship Camera ทำให้รุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัวแบบ Quad Camera ที่ประกอบด้วย กล้องหลัก 48MP เซนเซอร์ Sony IMX 586 | กล้องมุมกว้างพิเศษ 8MP รับภาพได้ 119 องศา | กล้องวัดระยะ 5MP | กล้องมาโคร 2MP
ส่วนกล้องหน้าเป็นกล้องคู่ ประกอบด้วย กล้องหน้าหลัก 32MP เซนเซอร์ Sont IMX 616 | กล้องหน้ามุมกว้างพิเศษ 8MP รับภาพได้ 105 องศา ซึ่งการมีกล้องคู่ก็ดีตรงที่เวลาจะเซลฟีหลาย ๆ คน หรือเซลฟีคู่กับวิวครับ
คุณภาพ
ต่อกันด้วยเรื่องของ Flagship Quality ที่ว่าด้วยเรื่องคุณภาพทาง OnePlus ก็บอกว่าความคงทนนั้นผ่านการทดสอบในแลปมาแล้ว ส่วนเรื่องของระบบภายในก็การันตีการอัปเดตซอฟต์แวร์ 2 ปี และการอัปเดตระบบความปลอดภัย 3 ปี แบบไม่มีลอยแพ!
ด้านราคา
เรื่องราคาหลายคนอาจจะเห็นจากหัวข้อข่าวไปแล้วคือรุ่น 8+128GB ราคา 14,990 บาท และรุ่น 12+256GB อยู่ที่ 17,990 บาท แต่ถ้าพรีออเดอร์ในวันที่ 21-27 สิงหาคมนี้ จะมีของแถมมูลค่ารวมกว่า 10,990 บาท
และนอกจากนี้ทาง OnePlus ก็ยังเซอร์ไพรส์ต่อด้วยการประกาศช่องทางจำหน่ายเพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการของผู้ซื้อ และประกาศความร่วมมือกับ OPPO เรื่องศูนย์บริการทำให้ผู้ใช้งานสามารถถือเครื่อง OnePlus ไปซ่อมที่ศูนย์ OPPO ได้ แต่!!! ต้องรอทาง OnePlus ประกาศอย่างเป็นทางการอีกทีที่ Fan Page Facebook นะครับ
OnePlus Buds
สุดท้ายเป็นการเปิดตัวหูฟัง True Wireless ของค่าย OnePlus ที่มาพร้อมกับความสามารถหลายอย่าง เช่น แบตฯ อึด ใช้งานได้ 30 ชั่วโมง และถ้าแบตฯ หมดก็ใช้เวลาชาร์จ 10 นาที ก็จะฟังเพลงต่อได้อีก 10 ชั่วโมง
ด้านคุณภาพเสียง OnePlus Buds ก็เน้นเรื่องคุณภาพเสียงโดยมี Environmental noise cancellation พร้อมกับ Powerful Bass Boost แต่สำหรับใครที่จะเล่นเกมอันนี้ก็มีโหมด Fnatic Mode ที่จะช่วยลดค่า Latency หรือค่าความหน่วงลงเหลือ 103 ms ด้านความคงทนอันนี้ก็สามารถใส่ออกไปเล่นกีฬาได้เพราะว่าสามารถกันน้ำได้ระดับ IPX4
สำหรับราคาของ OnePlus Buds ก็เคาะออกมาอยู่ที่ 2,999 บาท โดยจะวางจำหน่ายผ่าน Lazada เฉพาะสีขาว ในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ ส่วนสีฟ้าและสีดำ จะมีการประกาศอีกทีครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส