การเลือกซื้อมือถือในปัจจุบันนั้น เรียได้ว่าเป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะกับใครที่คิดจะซื้อสมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรก การเลือกระบบปฏิบัติการณ์ก็นับว่าเป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน ทั้ง Android Marshmallow, iOS 9 และ Windows 10 Mobile

ระบบปฏิบัติการดังกล่าวล้วนแล้วแต่ถูกพัฒนาและออกแบบมาอย่างสวยงาม มีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะฟันธงว่าระบบใดคือ “ระบบที่ดีที่สุด” ดังนั้น จึงแบ่งการเปรียบเทียบออกเป็นประเภทต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าใจและเลือกประเภทของการทำงานได้ตรงกับวัตถุประสงค์ในการซื้อ

ด้านราคาผู้ชนะ : Android

Apple ไม่ใช่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนราคาประหยัดแต่อย่างใด ทุกปี iPhone ทุกรุ่น จะเปิดตัวด้วยราคาระดับสูงสุดในตลาดเสมอ ปีนี้ iPhone 6s ราคาอยู่ที่ 650 เหรียญ (ประมาณ 24,000 บาท) iPhone 6 รุ่นปีที่แล้ว ราคาลดลงมา 100 เหรียญ (ประมาณ 3,500 บาท) ส่วน iPhone 5S รุ่นเมื่อสองปีที่แล้วก็ราคาใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่สุดคือ ลดลงมาอีก 200 เหรียญ (ประมาณ 7,000 บาท) แต่ก็นับว่าแพงอยู่ดี

Microsoft ส่วนใหญ่จะใช้ฮาร์ดแวร์ของ Nokia (ตอนนี้ใช้ของตนเองแล้ว) มักจะมาพร้อมกับการผลิตที่มีคุณภาพและราคาที่ต่ำกว่ามาก บางตัวมีสเปคเทียบได้กับ Android และ iOS อีกทั้ง Windows Phone 8.1 ก็เคยมีพันธมิตรอย่าง Samsung, ZTE, LG, Lenovo และ Huawei แต่สำหรับ Microsoft Lumia ตัวใหม่ที่จะออกวางจำหน่าย ดูเหมือนจะแค่รุ่นเรือธงและราคาที่สูงขึ้นตาม

นั่นจึงเป็นเหตุผลทำให้ Android เป็นผู้ชนะ เนื่องด้วยมีสมาร์ทโฟนราคาประหยัดมากมายให้เลือกซื้อจากหลายค่ายผู้ผลิต ทั้งสเปคระดับเรือธงไปจนถึงระดับล่าง ยกตัวอย่างเช่น HTC, Samsung, Sony, ZTE, Huawei, LG และ Xiaomi ล้วนแต่ใช้ Android ทั้งนั้น

ด้านอินเทอร์เฟซผู้ชนะ : เสมอกัน

Android Lollipop ของ Google มีรูปแบบเป็น Material Design ที่ดูเรียบ มีสไตล์ และไหลหลื่นดี ซึ่งสามารถนำไปดัดแปลงโดยผู้ผลิตสมาร์ทโฟนค่ายต่างๆ ให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามวัตถุประสงค์ได้ ตอนนี้อุปกรณ์ Android กว่า 30% ได้ใช้ระบบนี้แล้ว ส่วน Android 6.0 Marshmallow ที่ออกมาใหม่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นการแก้ไขข้อผลิดพลาดภายในระบบเดิม แต่ต้องเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดตอนนี้เท่านั้น อย่าง Nexus จึงจะได้ใช้ Android 6.0 Marshmallow

นับว่า iOS 9 เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่โดยใช้โครงสร้างเดิมของ iOS 7 มันก็ให้ความรู้สึกสดใสและเข้ากับยุคสมัยใหม่ ใช้งานได้ไหลลื่นมาก และมีมิติลึกขึ้น (3D touch) อีกด้วย กล่าวคือ Apple พัฒนา iOS 9 ขึ้นไปอีก แต่ยังคงได้รับกลิ่นอายความมีรสนิยมเช่นเดิม

Windows 10 Mobile ทำงานด้วยรูปแบบช่องตารางที่เรียกว่า “Live Tiles” ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแต่ง ขยาย หรือย่อขนาดให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้ได้ อีกทั้งยังทำงานได้สอดคล้องกับทั้งคอมพิวเตอร์ที่ใช้งาน Micorsoft และผู้เล่นเกม Xbox ด้วย อีกทั้ง Windows 10 Mobile ก็ยังทำงานได้ไหลลื่นมากกว่ารุ่นเดิมมาก พร้อมด้วยการรองรับ Continuum ที่จะแสดงภาพการทำงานในสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นอินเทอร์เฟซบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ ซึ่งคุณสามารถเชื่อมต่อเมาส์และคีย์บอร์ดเพื่อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านจำนวนแอพผู้ชนะ : เสมอกัน

ขอไม่นับรวม Windows Mobile เนื่องจากจำนวนแอพตามหลังอยู่มากเกินไป

  • Android มีจำนวน 1.6 ล้านแอพ
  • iOS มีจำนวน 1.5 ล้านแอพ
  • Windows Mobile มีจำนวน…???

โดยปกติ นักพัฒนาแอพส่วนใหญ่จะทำลงใน iOS ก่อน แล้วจึงพัฒนาต่อไปยัง Android แต่ในปัจจุบัน นักพัฒนาหลายคนเริ่มที่จะพัฒนาแอพให้กับ Android มากขึ้น เนื่องด้วยตลาดที่กว้างกว่ามาก

แต่ถ้าหากเปรียบเทียบในความหลายหลายและคุณภาพ iOS ดูจะอยู่เหนือ Android เล็กน้อย

ด้านคลังแอพที่มีประโยชน์ใช้งานได้ผู้ชนะ : iOS

เป็นการยากที่จะสร้างแอพที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีเพียงไม่กี่แอพเท่านั้นที่ทำได้ ซึ่งถ้าเปรียบกันในด้านนี้ App Store ของ Apple จะสามารถเอาชนะ Play Store ของ Google ได้อย่างไม่ยากเย็น ไม่นับรวม Windows Mobile store ของ Microsoft ที่จำนวนแอพน้อยเกินไปเช่นเดิม

ด้านคลังแอพทางเลือกอื่นๆผู้ชนะ : Android

Andorid มีแอพมากมายให้เลือกใช้นอกเหนือจาก Play Store ของตนเอง ซึ่งผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์และติดตั้งได้โดยง่าย แต่ต้องเสี่ยงกับ malware นิดหน่อย ส่วน Apple และ Microsoft ต่างก็ไม่สนับสนุนแอพอื่นๆที่อยู่นอกเหนือคลังแอพของตน ดังนั้น Android จึงนับได้ว่าเปิดกว้างกว่าสำหรับผู้ใช้

ด้านแบตเตอรี่ผู้ชนะ : Android

นับว่าเป็นการเปรียบเทียบที่ยากมากสำหรับเรื่องของการใช้แบตเตอรี่ เนื่องจาก iOS และ Windows 10 Mobile นั้นใช้แบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กกว่า แต่สร้างระบบปฏิบัติการที่กินพลังงานน้อยเพื่อเให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่ ส่วน Android อาจจะมีระบบปฏิบัติการที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่มากกว่า แต่มันก็มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ขนาดใหญ่กว่ามาก ซึ่งถ้าบริหารจัดการเครื่องให้ดี Android ก็สามารถเอาชนะในหัวข้อนี้ไปได้

 

ด้านการอัพเดทระบบปฏิบัติการผู้ชนะ : iOS

ในทุกๆปี Apple มักจะไม่อัพเดทระบบตัวใหม่ให้กับเครื่องรุ่นเก่าบางรุ่น เนื่องด้วยประสิทธิภาพเครื่องที่ไม่สอดคล้องกับระบบปฏิบัติการและอาจเกิดความเสียหายได้ แต่ก็ดีกว่าทาง Microsoft หรือ Google ยกตัวอย่างเช่น  Windows Phone 7 อัพเดทเป็น  Windows Phone 8 ไม่ได้ และ Windows Phone 8.1 ก็โดนเลื่อนการอัพเดทเป็น Windows 10 Mobile ไปเป็นปีหน้า (2016) ส่วน Android ก็ต้องเป็นสมาร์ทโฟน Nexus ของ Google เองเท่านั้นที่จะได้อัพเดทอย่างรวดเร็ว

ถ้าลองนับเป็นเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ได้รับการอัพเดทกันจะพบว่า

  • Android 6.0 Marshmallow มีจำนวน  0.5%
  • Windows 10 Mobile มีจำนวน 7%
  • iOS 9 มีจำนวน 71%

ด้านการปรับเปลี่ยนการทำงานตามความชอบใจ

ผู้ชนะ : Android

ผู้ใช้ Andriod สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานได้อย่างมีอิสระ และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้ใช้ ในขณะที่ระบบปฏิบัติการตัวอื่นต่างมีข้อจำกัดอยู่ ไม่ว่าจะเป็น

  • คิดนอกกรอบในการปรับแต่ตัวเครื่องให้สวยงามได้มากมาย
  • ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Launchers ต่างๆ เพื่อปรับแต่อินเทอร์เฟซของเครื่องได้อย่างอิสระ
  • ผู้ใช้สามารถตั้งค่าล็อคหน้าจอได้หลายรูปแบบ, เพิ่ม Widgets พร้อมทั้งปรับขนาดได้ และสร้าง Shortcut ได้ตามชอบใจ

ด้านการ Root, Bootloader และ Jailbreak ระบบปฏิบัติาร

ผู้ชนะ : Android

ตัวระบบของ Android นั้น มีหลายวิธีที่จะปลดล็อค Bootloader เพื่อทำให้การ Root เครื่อง ซึ่งวิธีการดังกล่าวสามารถทำให้ผู้ใช้ควบคุมระบบปฏิบัติการของเครื่องได้อย่างสมบูรณ์แบบ สามารถเข้าถึงแอพต่างๆได้มากมาย สามารถอัพเดทระบบล่าสุดได้โดยไม่ต้องรอนาน สามารถปรับเปลี่ยนรูปลัษณ์ของซอฟท์แวร์ได้ตามรสนิยม อีกทั้งยังสามารถกำจัด Bloatware (แอพขยะ) ที่ติดมากับผู้ผลิตสมาร์ทโฟน และเพิ่มความเร็วและลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ได้ และอื่นๆอีกมากมาย

ในขณะที่ iOS มีมีเพียงแค่การ Jailbreak เท่านั้นจะทำได้ ส่วน Window Mobile ไม่ขอแนะนำให้ทำการ Root เครื่องแต่อย่างใด

ด้านการโทรและส่งข้อความ

ผู้ชนะ: เสมอกัน

ทุกระบบสามารถสร้างการโทรพื้นฐานและส่งข้อความได้ดีเสมอกัน และในปัจจุบัน การโทรผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตก็เป็นที่นิยมมาก ซึง Google มี Hagout ส่วน Apple ก็มี Facetime และ iMessage และ Microsoft ก็มี Skype อีกด้วย

ด้านอีเมล

ผู้ชนะ : เสมอกัน

ทุกระบบสามารถใช้งานอีเมลได้อย่างรวดเร็วและมีแอพต่างๆมากมายให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดได้ตามความต้องการ

ด้านอุปกรณ์เสริมผู้ชนะ : iOS

Apple ได้ผลิตอุปกรณ์เสริมมากมายที่ดูดีมีระดับสำหรับ iPad และ iPhone ยังไม่นับรวมเคสและอุปกรณ์ชาร์จไฟต่างที่ต้องซื้อเพิ่มเนื่องจากใช้ช่องเสียบแบบ Lightning ที่ไม่เหมือนใคร ในขณะที่ Android และ Windows Mobile ใช้แบบ Micro USB ตามมาตรฐาน ซึ่งไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์อะไรเพิ่มเติมมาก

ด้านบริการ Cloudผู้ชนะ : Android

  • iOS เนื้อที่บน iCloud 5GB ซื้อเพิ่ม 1 เหรียญต่อเดือน สำหรับ 50GB (12 เหรียญต่อปี)
  • Andoroid เนื้อที่บน Google Drive 15GB ซื้อเพิ่ม 2 เหรียญต่อเดือน สำหรับ 100GB (24 เหรียญต่อปี)
  • Windows Mobile เนื้อที่บน OneDrive 15GB ซื้อเพิ่ม 2 เหรียญต่อเดือน สำหรับ 100GB แต่หากใช้ Office 365 ซึ่งจะให้เนื้อที่ 1TB ให้ Skype ฟรี 60 นาทีต่อเดือน โดยคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 7 เหรียญต่อเดือน (84 เหรียญต่อปี)

ด้านการแบ็คอัพรูปภาพผู้ชนะ : Android

เนื่องด้วยเนื้อที่บน iCloud มีเพียง 5GB ซึ่งเทียบไม่ได้กับ 15GB ของ Google Drive และ OneDrive อีกทั้งแอพ Photo ของ Google ยังให้ผู้ใช้สามารถแบ็คอัพรูปภาพได้อย่างไม่จำกัดอีกด้วย

ด้านการสั่งงานด้วยเสียงผู้ชนะ: Windows Mobile

เรียกได้ว่าเป็นการดวลกันระหว่าง Cortana vs Siri vs Google Now ซึ่งทำได้ดีทั้งหมดทุกตัว

แต่ Cortana อาจจะพลาดในบางจุดที่ Siri และ Google Now สามารถทำได้ แต่ Cortana ก็สามารถทำงานเชื่อมโยงกับแอพต่างๆได้ดี รวมถึงการจดจำเสียงผู้ใช้ที่ดีกว่าคู่แข่ง อีกทั้งยังมีให้ดาวน์โหลดในระบบ Android และ iOS อีกด้วย

ด้านการเชื่อมต่อผู้ชนะ : เสมอกัน

ทุกระบบสามารถทำได้ดีเสมอกันทั้งในด้าน Blutooth และ WiFi ที่ได้มาตรฐาน

ด้านความปลอดภัย

Security-iOSผู้ชนะ : iOS

เป็นปัญหาที่ต้องยอมรับว่า Android ไม่สามารถแก้ไขได้ เนื่องจากเป็นระบบปฏิบัติการฟรี และถูกคุกคามได้โดยง่ายจากมัลแวร์ต่างที่เข้ามา จนผู้ผลิตมือถืออย่าง Samsung ต้องออกระบบป้องกัน Knox ออกมาเสริม

ส่วน iOS ได้รับการยอมรับมานานแล้วเรื่องของระบบความปลอดภัย

และ Windows Mobile ก็กำลังพัฒนาระบบความปลอดภัย

ด้านแผนที่

Maps-Androidผู้ชนะ : Android

ทั้งสามระบบสามารถพัฒนาระบบแผนที่ของตนเองได้เป็นอย่างดี แต่ต้องยอมรัยว่า Google Map นั้นมีฐานข้อมูลด้านแผนที่ที่มากกว่าระบบอื่น

ด้านกล้องถ่ายรูป

Camera-iOSผู้ชนะ : iOS

นี่คืออีกส่ิงที่ Apple สามารถทำได้ดีเหนือคู่แข่ง ด้วยจำนวนผู้ใช้กล้องขนาด 12 ล้านพิกเซล ของ iPhone 6S ที่อยู่เหนือกล้องขนาด 16 ล้านพิกเซล ใน Galaxy S6 ของ Samsung และ 20 ล้านพิกเซล ใน Lumia 950 ของ Micorsoft

สิ่งที่ Apple ทำได้ดีมาตลอด คือ การเก็บแสงและรายละเอียดของภาพ

ด้านความง่ายต่อการใช้งาน

Simplicity-tieผู้ชนะ : เสมอกัน

ผู้ใช้หลายคนมีความคิดว่า Android น้ันซับซ้อนกว่า iOS ในด้านการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเครื่องที่ผ่านการ Root ด้วยแล้ว แต่ปัจจุบันนั้นทุกระบบต่างถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งานด้วยกันทั้งนั้น มีแอพเสริมให้ผู้ใช้ได้ดาวน์โหลดเพื่อให้สอดคล้องต่อความสะดวกสบายของผู้ใช้

แต่ถ้ามองในอีกแง่หนึ่ง Window Mobile ก็เหมาะสมและสะดวกกสบายต่อผู้ที่ใช้งานต้องเชื่อมต่อ Microsoft บนเครื่องคอมพิวเตอร์อีกด้วย

สรุป

Android

Android---------

ฟีเจอร์ อันดับ ฟีเจอร์ อันดับ
ราคา 1 อีเมล 1
อินเทอร์ดฟซ 1 อุปกรณ์เสริม 2
แอพ 2 บริการ Cloud 1
คลังแอพ 2 แบคอัพรูป 1
คลังแอพทางเลือก 1 สั่งงานด้วยเสียง 2
แบตเตอรี่ 1 การเชื่อมต่อ 1
อัพเดท 3 ความปลอดภัย 3
การปรับแต่ 1 แผนที่ 1
การ Root 1 กล้อง 2
โทรและข้อความ 1 ใช้งานง่าย 1

iOS

iOS-vs----

ฟีเจอร์ อันดับ ฟีเจอร์ อันดับ
ราคา 3 อีเมล 1
อินเทอร์เฟซ 1 อุปกรณ์เสริม 1
แอพ 1 บริการ Cloud 3
คลังแอพ 1 แบ็คอัพรูป 3
คลังแอพทางเลือก 2 สั่งงานด้วยเสียง 3
แบตเตอรี่ 2 การเชื่อมต่อ 1
อัพเดท 1 ความปลอดภัย 1
การปรับแต่ง 3 แผนที่ 3
การ Root 2 กล้อง 1
โทรและข้อความ 1 ใช้งานง่าย 1

Windows Mobile

Windows-Mobile----

ฟีเจอร์ อันดับ ฟีเจอร์ อันดับ
ราคา 2 อีเมล 1
อินเทอร์เฟซ 1 อุปกรณ์เสริม 3
แอพ 3 บรอการ Cloud 2
คลังแอพ 3 แบ็คอัพรูป 2
คลังแอพทางเลือก 3 สั่งงานด้วยเสียง 1
แบตเตอรี่​ 3 การเชื่อมต่อ 1
อัพเดท 2 ความปลอดภัย 2
การปรับแต่ง 2 แผนที่ 2
การ Root 3 กล้อง 3
โทรและข้อความ 1 ใช้งานง่าย 1

จากผลการเปรียบเทียบดังกล่าว ต้องขึ้นอยู่กับวาจารณญาณาของผู้ใช้ว่าต้องการสมาร์ทโฟนโดยวัตถุประสงค์ในการทำงานแบบใด เพราะทุกระบบต่างมีเอกลักษณ์ในการทำงานต่างกัน

ที่มา : www.digitaltrends.com