แคนนอน (Canon) บุกตลาดกล้องมิเรอร์เลสเต็มรูปแบบ เปิดตัวกล้องใหม่พร้อมกันถึง 2 รุ่น Canon EOS R7′ และ ‘EOS R10 ที่ได้รับการส่งต่อเทคโนโลยีระบบโฟกัสจากรุ่นพี่ EOS R3 ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการถ่ายภาพระดับโลก ที่ครองส่วนแบ่งตลาดกล้องดิจิทัลแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ทั่วโลกมานานกว่า 18 ปี

แนะนำ Canon EOS R7, EOS R10 และเลนส์ RF-S รุ่นเริ่มต้น

  • EOS R7 ตอบโจทย์ผู้ใช้งานอย่างจริงจังด้วยฟีเจอร์ขั้นเทพที่เปี่ยมประสิทธิภาพ สปีดเร็ว แม่นยำ และทนทานไม่แพ้กล้องระดับมืออาชีพ ครอบคลุมทั้งการถ่ายภาพกีฬา ยานยนต์ นก และสัตว์ป่า พร้อมประสิทธิภาพด้านงานวิดีโอระดับ 4K60P (7K Oversampling)
  • EOS R10 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างอิสระ มาพร้อมฟังก์ชันการถ่ายภาพสุดล้ำที่ช่วยให้ผู้ใช้งานทำงานได้ง่ายขึ้น โดนใจนักสร้างวิดีโอคอนเทนต์ในปัจจุบันด้วยฟังก์ชันการถ่ายวิดีโอแนวตั้ง
  • เลนส์ RF-S รุ่นเริ่มต้นสำหรับมือใหม่ในระบบ EOS R และยังคงเอกลักษณ์ด้านการใช้งานวงแหวนควบคุมในแบบฉบับเลนส์ RF ซีรีย์ ด้วยขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา สะดวกต่อการพกพาสำหรับเก็บภาพในชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องตัว
มร.ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด

มร.ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า  “แคนนอนถือเป็นสัญลักษณ์แห่งมาตรฐานระดับสูงของวงการกล้องถ่ายภาพระดับโลกมายาวนาน และบริษัทฯ เพิ่งจะฉลองครอบรอบ 35 ปี ของระบบ EOS ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

แคนนอนมีการพัฒนา และขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง มีกล้องในระบบ EOS ทั้งหมด 21 รุ่น รวมถึงเลนส์ RF และ EF มากถึง 104 รุ่น ครอบคลุมทุกความต้องการทั้งการบันทึกภาพนิ่ง วิดีโอ หรือแม้แต่คอนเทนต์ VR จนทำให้เรามียอดการผลิตเลนส์ Canon ตระกูล RF และ EF ครบ 150 ล้านชิ้นเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา

แคนนอนสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องดิจิทัลแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ ต่อเนื่องมายาวนานถึง 18 ปี นับตั้งแต่ปี 2546  และจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีด้านภาพแบบครบวงจรอรวมถึงการมุ่งมั่นขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ในระบบ EOS R อย่างต่อเนื่อง เราเชื่อมั่นว่ากล้อง EOS R7 และ EOS R10 รวมถึงเลนส์ซีรีส์ RF-S รุ่นใหม่นี้จะสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่แตกต่างกันได้อย่างครอบคลุม และช่วยให้ผู้ใช้งานสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของระบบ Canon EOS R”

นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการ กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด

นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการ กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวเสริม “แคนนอนเปิดตัวระบบ EOS เมื่อปี 2530 ตามปรัชญาการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายภาพที่มอบความเร็ว ความง่าย และให้ภาพถ่ายคุณภาพสูง

เราได้ก้าวเข้าสู่ตลาดกล้องมิเรอร์เลสอย่างจริงจังโดยวางจำหน่ายกล้องตระกูล EOS R ในปี 2561 ภายใต้แนวคิด ‘Reimage Optical Excellence’ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย โดยกล้อง EOS R3 ได้รับรางวัล Best Camera Innovation ส่วนรุ่น EOS R5 C สามารถคว้ารางวัล Best Professional 8K Hybrid Camera ในขณะที่เลนส์ RF14-35mm f/4L IS USM และ RF100mm f/2.8L Macro IS USM ก็ได้รับรางวัล ‘Best Full Frame Wide Angle Zoom Lens’ และ ‘Best Macro Lens’ ด้วยเช่นกัน”

“สำหรับแผนการพัฒนาธุรกิจในปี 2565 นี้ แคนนอนก้าวไปอีกขั้นด้วยการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ในระบบ EOS R โดยเฉพาะกล้องมิเรอร์เลสที่ใช้เซนเซอร์ APS-C โดยในครั้งนี้นำทัพโดยกล้อง EOS R7 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานกล้องแบบจริงจังซึ่งต้องการกล้องประสิทธิภาพสูง สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง มีระบบออโตโฟกัสที่รวดเร็วแม่นยำ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทั้งกีฬา ยานยนต์ นก สัตว์ป่า

โดยสื่อโฆษณาหลักของ EOS R7 นำเสนอภาพของแรปเตอร์ (Raptor) นกนักล่าที่เปี่ยมด้วยสัญชาตญาณแห่งพลังความเร็วความแม่นยำในการโฉบจับเหยื่อ สื่อถึงความเร็วในการจับโฟกัสที่แม่นยำ และการถ่ายภาพต่อเนื่องของ EOS R7 สามารถถ่ายภาพที่ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซลได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 30 เฟรมต่อวินาที และนอกจากนี้ ตัว R ของ Raptor ก็ยังสอดคล้องกับความเป็นกล้องในตระกูล EOS R Series ของแคนนอนอีกด้วย”

“กล้อง EOS R10 เน้นกลุ่มผู้ใช้งานกล้องมือใหม่ที่ต้องการภาพถ่ายคุณภาพสูง น้ำหนักเบา และมีฟีเจอร์อัตโนมัติที่ช่วยในการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ด้วยโหมด SCN แบบใหม่ ทั้งโหมดการถ่ายภาพแบบพาโนรามา, โหมด Focus bracketing ในตัวกล้อง และโหมดแพนนิ่งเพื่อให้ผู้ใช้สามารถแพนภาพได้สวยงามดุจมืออาชีพ และยังมีฟังก์ชันการถ่ายวิดีโอแนวตั้ง เพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักสร้างวิดีโอคอนเทนต์บนโซเชียลเน็ตเวิร์กอีกด้วย”


“เลนส์ทั้ง 2 รุ่นถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเลนส์รุ่นเริ่มต้นสำหรับผู้ใชกล้องในระบบ EOS R ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเลนส์ Canon RF-S 18-45mm F/4.5-6.3 IS STM เป็นเลนส์ซูมมาตรฐานที่ให้มุมมองกว้าง เหมาะสำหรับการเก็บภาพประทับใจในชีวิตประจำวัน ในขณะที่เลนส์ Canon RF-S 18-150mm F/3.5-6.3 IS STM เป็นเลนส์เพื่อการเดินทางแบบอเนกประสงค์ ครอบคลุมทั้งการถ่ายภาพในชีวิตประจำวัน และถ่ายภาพในระยะไกล เช่น การภาพวิวทิวทัศน์ เกมกีฬา นก และภาพสัตว์ป่า”

กิจกรรมต่าง ๆ ของทาง Canon

ทั้งนี้ แคนนอนวางแผนจัดโปรโมชันฉลองการเปิดตัวกล้อง Canon EOS R7 และ EOS R10 รวมถึงเลนส์ Canon RF-S อีกหลายรายการ เพื่อมอบความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้าแคนนอนมากที่สุด ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการถ่ายภาพให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน และทำให้แบรนด์แคนนอนใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น อาทิ กิจกรรม First Touch on Tour,  EOS on Air, EOS Academy และอื่น ๆ รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของพันธมิตรคู่ค้าในประเทศไทย

ราคาวางจำหน่ายในประเทศไทย

  • EOS R7 เฉพาะตัวกล้อง 49,900 บาท
  • EOS R7 ชุดพร้อมเลนส์ RF-S 18-150mm f/3.5-6.3 IS STM 64,900 บาท
  • RF-S 18-45mm f/4.5-6.3 IS STM 11,990 บาท
  • RF-S 18-150mm f/3.5-6.3 IS STM 19,390 บาท

สำหรับกล้อง Canon EOS R10 จะประกาศราคา และเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยประมาณปลายเดือนกรกฎาคม 2565

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส