หลังจากที่ Canon ได้เปิดตัวกล้องฟูลเฟรมมิเรอร์เลสอย่าง EOS R5, R6 ออกมา ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ พอสมควร ทาง Canon ก็ไม่รอช้าได้ส่งกล้องฟูลเฟรมมิเรอร์เลสรุ่นโปรสายกีฬา ‘EOS R3‘ ตัวแทนซีรีส์ EOS-1DX Mark III ของฝั่ง DSLR ตามออกมา พร้อมระบบ auto focus ที่ฉลาดรวดเร็ว ยิงรัวได้ถึง 30fps มี Vehicel AF สำหรับถ่ายยานพาหนะโดยเฉพาะ และที่ล้ำไปกว่านั้นคือใส่ระบบ ‘Eye Control AF’ ที่เราสามารถเลื่อนจุดโฟกัสได้ด้วยตา ครั้งนี้่เราจะมาแชร์ประสบการณ์ที่ได้ลองใช้งานกล้องตัวนี้กันครับ

Canon EOS R3

เริ่มด้วยแนะนำข้อมูลพื้นฐานของตัวกล้องกันก่อน เจ้า EOS R3 ออกแบบมาในทรง Dual Grip จับได้ทั้งแนวตั้งแนวนอนเซาะร่องมาให้ใช้งานได้ถนัดมือ body ทำจากแมกนีเซียมอัลลอยด์แข็งแรงทนทานพร้อมซีลกันละอองน้ำละอองฝุ่นระดับเดียวกับ EOS-1DX Mark III ปุ่มต่าง ๆ ยังสามารถเรืองแสงได้ในที่มืดสมกับเป็นกล้องในระดับโปร พร้อมจอ Top LCD แสดงค่าต่าง ๆ และโหมดของตัวกล้อง

Canon EOS R3
ขนาดของตัวกริปที่ค่อนข้างใหญ่จับถนัดมือ
Canon EOS R3
กริปเซาะร่องมาจับถนัดมือทีเดียว

ตัวเซนเซอร์ขนาดฟูลเฟรมความละเอียด 24.1 ล้านพิกเซล แบบ back-illuminated stacked ที่ช่วยให้รับแสงได้มากขึ้น มีสัญญาณรบกวนน้อยลง และด้วยเซนเซอร์แบบ stacked นี้เองบวกกับหน่วยประมวลผลที่ทรงพลังอย่าง DIGIC X ทำให้สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 30fps ที่ 14-bit ในทุก ๆ โหมด พร้อมอัตราการเกิด rolling shutter ที่ต่ำมาก ๆ ยิงรัวได้แบบไม่มี black out หรือจังหวะภาพมืดขณะลั่นชัตเตอร์มาขัดจังหวะ และในยุคนี้แน่นอนว่ามีชุดกันสั่น 5 แกนใส่มาให้ด้วย โดยสามารถชดเชยสปีดชัตเตอร์ได้ถึง 8.0 สต็อป เมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ที่มีระบบกันสั่น IS ภายในตัวเลนส์ และ 5.5 สต็อปกับเลนส์ที่ไม่มีระบบกันสั่น รองรับการบันทึกวิดีโอ 6K 60p RAW, 4K 120fps, 60fps

Canon EOS R3
body ทำจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ที่แข็งแรงทนทาน

สเปก Canon EOS R3

  • เซนเซอร์ฟูลเฟรม back-illuminated stacked CMOS 24.1 ล้านพิกเซล
  • DIGIC X image processor
  • กันสั่น 5 แกน 8 สต็อป
  • ISO 100-102400 (ขยาย 50-204800)
  • ถ่ายต่อเนื่องสูงสุด 30 fps (electronic), 12 fps (mechanic), Full AF + วัดแสงใหม่ทุกเฟรม
  • ระบบโฟกัส Eye Control AF , Dual Pixel CMOS AF ii 1053 จุด, Face/ Eye/ Animal/ Vehicle AF
  • โฟกัสในที่มืดได้ -7.5 EV
  • สปีดชัตเตอร์สูงสุด 1/64000 (electronic). 1/8000 (mechanic)
  • วิดีโอ 6K RAW 60 fps / 4K 120fps, 60fps
  • Canon LOG 3 10 bit 4:2:2, HDR PQ
  • รองรับไฟล์ HEIF
  • ม่านชัตเตอร์ลงมาปิดกันฝุ่นขณะเปลี่ยนเลนส์หรือปิดกล้องได้
  • ช่องมองภาพ EVF 120 fps ความละเอียด 5.67 ล้านจุด อัตราขยาย 0.76x
  • จอ LCD Vari Angle ระบบสัมผัส 3.2 นิ้ว ความละเอียด 4.15 ล้านจุด
  • Multi-Function Shoe 
  • ช่องเสียบการ์ด 2 ช่อง CFexpress Type B + SD card UHS-II
  • ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 2.4 / 5 Ghz, Bluetooth
  • พอร์ต LAN, FTP&FTPS, WPA3
  • แบตเตอรี่ LP-E19 ถ่ายได้ 860 ภาพต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
  • ตัวบอดีกันละอองน้ำกันละอองฝุ่นระดับเดียวกับกล้องซีรีส์ EOS 1D X
  • รองรับการชาร์จผ่านพอร์ต USB-C
  • มีช่องไมโครโฟน, หูฟัง
  • ขนาด 150 x 143 x 87mm
  • น้ำหนัก 1015 กรัม
  • เมาท์ RF

First impression

มาพูดถึึงความประทับใจหลังได้ลองเล่นเจ้า EOS R3 กันบ้างดีกว่า ต้องบอกว่ามีอะไรให้ว้าวพอสมควรครับกับกล้องตัวนี้ (ถึงจะได้ลองอยู่แค่ 1 ชั่วโมงก็ตามที รู้สึกตัวอีกทีหมดเวลาแล้ว ฮา~)

Canon EOS R3
ติดกับเลนส์ RF 50mm f1.8 STM

เริ่มด้วยระบบ ‘Eye Control AF’ ที่สามารถเลื่อนจุดโฟกัสได้ด้วยตา เพียงแค่เพ่งไปยังจุดที่อยากจะโฟกัสตัวกล้องก็จะเลื่อนจุดโฟกัสตามให้ทันที เหมาะกับงานที่ต้องใช้ความเร็ว อันนี้ไวกว่าใช้มือเลื่อนเอาเองเยอะเลยครับ (แต่ผู้ใช้งานต้อง calibrate ดวงตาของแต่ละคนด้วยนะ)

ใช้งานครั้งแรกอาจต้องฝึกบังคับสายตากันหน่อย แต่พอใช้ไปเรื่อย ๆ ก็คงชินไปเอง ส่วนผู้เขียนได้ลองไปแค่ชั่วโมงเดียวรู้สึกว่ามันโอเคนะใช้งานจริงได้ แต่ในบางมุมยังบังคับสายตาให้ไปโฟกัสได้ยากหน่อยคงต้องใช้เวลากับมันมากกว่านี้

ระบบโฟกัสที่ตอน EOS R5, R6 ว่าดีแล้ว ในรุ่น EOS R3 เขาบอกว่าถูกปรับปรุงมาให้ดียิ่งกว่าครับ มีระบบโฟกัสอัตโนมัติ ‘EOS iTR’ (การตรวจติดตามและการรับรู้อัจฉริยะ) + ‘Dual Pixel CMOS AF II’ โฟกัสได้ไว และแม่นยำ tracking ได้แบบติดหนึบ โดยใน 1 วินาทีตัวกล้องจะคำนวนโฟกัส และติดตามวัตถุให้ถึง 60 ครั้ง การที่กล้องคำนวนให้เยอะขนาดนี้ผลลัพธ์ที่ได้คือความแม่นยำที่สูงมากขึ้นกว่าเดิม แม้ถ่ายวัตถุที่เคลื่อนไหวเร็วมาก ๆ หรือมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางกะทันหันก็เอาอยู่

Canon EOS R3
Vehicel AF เอาไปใช้จริงก็จะประมาณนี้

นอกจากโหมดโฟกัสคน (Head, Eye ,Body) หรือสัตว์ กล้องตัวนี้ยังมีระบบโฟกัสแบบใหม่ ‘Vehicel AF’ สำหรับถ่ายยานพาหนะหรืองานจำพวก Motorsport ตรวจจับโฟกัสรถ, มอเตอร์ไซค์ได้เอง หรือแม้แต่หมวกของนักแข่งก็ยังโฟกัสได้ สำหรับสายถ่ายรถนี่เหมาะมาก ๆ แถมยิงรัวได้ถึง 30fps แบบ electronic shutter (Mechanical shutter ได้สุงสุด 12fps) มั่นใจว่าจะไม่พลาดช็อตสำคัญแน่นอน น่าเสียดายที่ระยะเวลาลองกล้องมีจำกัดเลยยังไม่ได้ลองประสิทธิภาพของระบบโฟกัสมาได้อย่างเต็มที่…

ในยุค COVID-19 แบบนี้ที่คนสวมใส่มาสก์กัน EOS R3 ยังได้รับการปรับปรุงระบบโฟกัสให้สามารถโฟกัสดวงตาได้ง่ายขึ้น แถมโฟกัสในที่มืดได้ถึง -7.5 EV มืดขนาดที่ตามนุษย์ไม่สามารถมองเห็นแต่ EOS R3 ตัวนี้ทำได้

Canon EOS R3
แม้จะใส่ mask อยู่ก็ยังโฟกัสเข้าตาแบบสบาย ๆ

ช่องมองภาพ OLED EVF ของ EOS R3 ถือว่ามีขนาดที่ใหญ่มองสบายตาทีเดียวครับ มีความละเอียดถึง 5.76 ล้านจุด 120fps เรื่องของจอ LCD เอง คนที่เคยใช้ซีรีส์ EOS-1DX Mark III มาจะรู้ว่าจอหลังกล้องจะไม่สามารถปรับพับองศาได้ แต่สำหรับ EOS R3 รอบนี้ใส่จอฟลิบข้างระบบสัมผัสมาให้แล้ว ทำให้ถ่ายในมุมต่าง ๆ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น แถมความละเอียดที่ใส่มาก็ไม่ใช่น้อย อยู่ที่ 4.15 ล้านจุดเลยทีเดียว คุณภาพของทั้งช่องมอง และจอ LCD หลังกล้องนี่คือสูงมาก ๆ

Canon EOS R3
ช่องมองภาพ EVF ขนาดใหญ่โตมองสบายตา 120fps ลื่นเหมือนใช้ช่องมองกระจก OVF
Canon EOS R3
จอฟลิบข้างของ EOS R3

ด้วยความที่อยู่ระดับเดียวกับ EOS-1DX Mark III ปุ่ม ‘multicontroller’ ที่ใช้ระบบสัมผัสในการเลื่อนจุดโฟกัสก็มีมาให้เหมือนกัน ส่วนตัวผู้เขียนค่อนข้างชอบเพราะมันเลื่อนจุดโฟกัสได้ง่ายดี หรือใครยังชอบ joy stick ก็ยังมีมาให้เหมือนเดิมครับทั้งแนวนอน และแนวตั้ง

Canon EOS R3
ปุ่ม multicontroller หรือ AF-ON

ตัว EOS R3 ยังสามารถตั้งโหมดโฟกัสสำหรับโหมดถ่ายคน, สัตว์ และ Vehicle AF ไว้ที่ปุ่มต่าง ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องสลับเมนูไปเปลี่ยนให้ยุ่งยากเหมือนรุ่นอื่น ยกตัวอย่างตั้งให้ปุ่มชัตเตอร์หลักเป็นโหมดโฟกัสสำหรับถ่ายคน, ปุ่ม multicontroller เป็น Vehicle AF และปุ่มดอกจันเป็นโฟกัสสัตว์ จากนั้นก็แค่กดปุ่มนั้น ๆ ค้างกล้องก็จะเปลี่ยนโหมดโฟกัสให้ทันทีพร้อมแสดงผลที่หน้าจอว่ากำลังอยู่ในโหมดไหนเพื่อเตือนผู้ใช้ ทำให้การใช้งานคล่องตัวลื่นไหลกว่าเดิมมากครับ

พอร์ตอะไรก็มีมาครบ ๆ พอร์ตไมค์, หูฟัง, Micro HDMI, Remote หรือมีแม้กระทั่งพอร์ต LAN สำหรับถ่ายโอนไฟล์ภาพก็ใส่มาให้ ช่องใส่การ์ดมาแบบ 2 slot ช่องแรกรองรับ CFExpress Type B และอีกช่องรองรับ SD Card ทั้ง UHS-และ UHS-II โดยที่แบตเตอรี่ยังคงใช้รุ่นเดียวกับ EOS-1DX Mark III LP-E19 ความจุ 2700 mAH ใช้งานได้ถึง 860 ภาพต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แถมชาร์จไปใช้งานไปได้ผ่านพอร์ต USB Type-C

Canon EOS R3

ที่เพิ่มเข้ามาล่าสุดจะเป็นในส่วนของ ‘Multi-Function Shoe’ หรือช่องเสียบแฟลชที่ตอนนี้มีขั้วไฟฟ้ารองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ อย่างไมค์ได้โดยตรง ไม่ต้องเสียบสายอะไรให้วุ่นวายกับตัวกล้องอีกแล้ว

สรุปกล้องตัวนี้เหมาะกับใคร?

Canon EOS R3 เหมาะกับช่างภาพที่เน้นในงานระดับมืออาชีพอย่างงานกีฬาหรืองานที่ต้องใช้ความเร็วสูง ที่ทุกโมเมนต์มีค่าพลาดไม่ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่อง rolling shutter หรือคนที่ต้องการระบบโฟกัสที่ฉลาดเชื่อใจได้กับตัวกล้องที่ใช้งานได้ในระดับโปร สำหรับในงานวิดีโอก็ไม่น้อยหน้าถ่ายได้ถึงระดับ 6K 60p RAW พร้อมโพรไฟล์สี Canon Log3, HDR PQ ถ่ายได้ยาวต่อเนื่อง 6 ชม. ไม่มีตัดจนกว่าแบตจะหมดหริือเมมเต็มซะก่อน

สำหรับคนที่ไม่ต้องการความเร็วขนาดนั้น EOS R5, R6 ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ครับ และต้องบอกว่า EOS R3 ยังไม่ใช่กล้องรุ่นท็อปสุดในซีรีส์ EOS R นะครับ ขนาดไม่ใช่รุ่นท็อปยังจัดเต็มขนาดนี้ EOS R1 ในอนาคตจะขนาดไหน

โดยราคาของ EOS R3 เฉพาะ body เปิดมาที่ 199,900 บาท

สุดท้ายต้องขอขอบคุณทาง แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ด้วยครับที่เชิญให้ไปร่วมทดสอบกล้อง Canon EOS R3 ตัวนี้ ?

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส