ในปี 2565 ถือเป็นอีกหนึ่งปีสุดหินของคนในแวดวงธุรกิจที่พลิกกลยุทธ์กันแทบไม่ทัน เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนทำให้การวางแผนธุรกิจในระยะยาวทำได้ยากมากยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดจากวงการธุรกิจไอที เมื่อยักษ์ใหญ่ของโลกทยอยปลดพนักงานครั้งใหญ่ หลังผลประกอบการไม่เข้าเป้า ดังนั้นสมรภูมิรบในโลกการตลาดออนไลน์จะดุเดือดยิ่งกว่าเดิม เพราะบริษัทเหล่านี้จะต้องหาฟีเจอร์ใหม่ ๆ มาเอาใจทั้งฝั่งผู้บริโภคและโกยเม็ดเงินโฆษณาจากภาคธุรกิจที่อาศัยช่องทางโซเซียลมีเดียเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในโลกออนไลน์
‘เลิกยิง Ad บนเฟซบุ๊กได้หรือยัง’ “นายภคศุภ เพ็ชรดี” ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง บริษัท ดิจิมัสเกตเทียร์ จำกัด ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเอเจนซีแถวหน้าของเมืองไทย ตั้งคำถามกับ Social Media แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก (active user per day 1,929 billion) หลังจากเฟซบุ๊กปรับอัลกอริทึมบ่อยทำให้ยอด Reach ลดลง รวมถึงนโยบายในการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งานจากแอปเปิล (Ask app not to track) ทำให้เฟซบุ๊กไม่สามารถเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์แอปเปิล ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีความพร้อมในการจับจ่ายสูง ส่งผลให้เริ่มมีการปรับยอดเงินในการลงโฆษณาจาก social media ไปทำการโฆษณากับกูเกิล เสิร์ช มากมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของเฟซบุ๊กที่ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดตัวในฐานะบริษัทมหาชนในปี 2012
นอกจากนี้การปรับกลยุทธ์ในการลงโฆษณาของนักการตลาดแล้ว ยังมีโซเซียลมีเดียแพลตฟอร์มน้องใหม่ที่เด็กกว่า สนุกกว่า และครีเอทีฟกว่าอย่าง TikTok เข้ามาอีก เฟซบุ๊กจึงเสียผู้ใช้งานไปจำนวนหลักล้านบัญชีต่อวัน ดังนั้น จึงมองว่าอนาคตของเฟซบุ๊กคงไม่สวยหรูเท่าไหร่ มุมมองของการลงโฆษณาและจำนวนผู้ใช้งานต่อวัน นักการตลาดจึงต้องปรับตัวเพื่อเฟ้นหาเครื่องมือที่เหมาะที่สุดสำหรับกลุ่มเป้าหมาย
เช็กตัวเองให้ชัวร์ ก่อนเลือกแพลตฟอร์มเจาะกลุ่มเป้าหมาย
มือโปรด้านการตลาดออนไลน์แนะนำว่าแบรนด์สินค้าควรต้องทบทวนธุรกิจตัวเองทุกแง่มุมก่อนเลือกแพลตฟอร์ทำตลาดออนไลน์ เช่น ข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย และรูปแบบอาร์ตเวิร์กสินค้า หากกลุ่มเป้าหมายเป็น Gen X และ Gen Y ก็ยังใช้เฟซบุ๊กได้เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่สื่อสารกับคนกลุ่มนี้ได้อย่างดี รวมถึงต้องวิเคราะห์ให้ละเอียดว่าต้องการขายอะไร ขายใคร และขายที่ไหน แต่หากลูกค้าเป้าหมายเป็น Gen Z ก็ควรพิจารณาเลือกช่องทางอื่น เช่น TikTok เพราะเฟซบุ๊กยังเอาชนะใจคน Gen Z ไม่ได้ ขณะเดียวกัน ดีไซน์อาร์ตเวิร์กก็สำคัญเช่นกัน ต้องมีความสวยงาม มีความคิดสร้างสรรค์ สื่อความหมายแบรนด์ และไม่เกินจริง สามารถดึงความสนใจของผู้บริโภคได้ทันที
“ใน 1 วัน โฆษณาในเฟซบุ๊กมีเยอะมาก สิ่งสำคัญคือทำยังไงให้อาร์ตเวิร์กของเราทำให้ลูกค้าไม่สไลด์ผ่าน และสนใจสิ่งที่เราอยากจะบอก เพราะเมื่อดึงความสนใจได้สำเร็จแล้ว เราก็จะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าไปจนถึง ทำให้ตัดสินใจซื้อได้ เราต้องทำให้อาร์ตเวิร์กดึงความสนใจของลูกค้า แต่อย่าขายฝันมากเกินไป เหมือนที่คนพูดกันว่า ไม่ตรงปก เห็นแล้วคาดหวังสิ่งหนึ่งแต่กลับได้อีกสิ่งหนึ่ง”
แนะเคล็ดลับมือใหม่ทำตลาดออนไลน์
สำหรับคนที่ไม่เคยทำธุรกิจ นายภคศุภ แนะนำให้เริ่มจากการวิเคราะห์ Pain Point หรือปัญหาของผู้บริโภค และสร้างธุรกิจจากการนำเสนอทางแก้ปัญหาดังกล่าว ส่วนคนที่ทำธุรกิจอยู่แล้ว และต้องการขยายตลาดออนไลน์ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการวิเคราะห์ลูกค้าว่าเป็นใคร พฤติกรรมลูกค้าเป็นอย่างไร คนกลุ่มนี้อยู่ที่ไหน และสามารถเข้าถึงคนกลุ่มนี้ได้อย่างไร รวมถึงวิเคราะห์จุดยืนของตัวเองในตลาด เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ และต้องทำให้ธุรกิจของตัวเองแตกต่างจากคู่แข่ง
หากมีงบประมาณน้อยแต่ต้องการทำตลาดออนไลน์และฉีกตัวเองจากคู่แข่ง ก็ต้องเน้นการทำคอนเทนต์ที่ได้มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ
“เราต้องวิเคราะห์ข้อมูลแบบไม่เข้าข้างตัวเอง พยายามหาความต่างให้เจอ ซึ่งจะต้องเป็นสิ่งที่คู่แข่งไม่มี และเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ หากเราส่งมอบสิ่งนี้ให้ลูกค้าได้ แต่คู่แข่งทำไม่ได้ เราก็ชนะใจลูกค้าได้ไม่ยาก และลูกค้าจะไม่หนีไปไหนด้วย”
นายภคศุภ ย้ำว่า การทำตลาดไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์ สิ่งสำคัญคือ การทำวิจัยตลาด (Market Research) นักการตลาดที่ดีต้องวางแผนจากข้อมูล ไม่ว่ามาจากการศึกษาเทรนด์และแนวโน้มธุรกิจ หรือสอบถามข้อมูลจากลูกค้า
“เราต้องนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์และคาดการณ์วางแผนว่าจะใช้เครื่องมือแบบไหน หรือกลยุทธ์อะไรเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ให้ได้มากที่สุด สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ คือ อย่าทุ่มเงินยิงโฆษณาโดยไม่วิเคราะห์อะไรเลย เพราะอันตรายและเป็นการกระทำที่เสียเปล่า”
นายภคศุภ กล่าวทิ้งท้าย