ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์และผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขานรับนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศความพร้อมด้านมาตรการความปลอดภัยในการทำธุรกรรม ยกระดับความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการอีกขั้น ด้วยการสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนก่อนโอนและถอนเงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป และเสริมทัพฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยภายใต้ระบบ TrueMoney Secure เพื่อปกป้องการเข้าถึงบัญชี พร้อมบริการสายด่วนตลอด 24 ชั่วโมงแล้ววันนี้
ทั้งนี้ ระบบสแกนหน้าของทรูมันนี่ใช้เทคโนโลยีไบโอเมทริกซ์ (Biometric) หรือการอ่านข้อมูลชีวมิติเพื่อตรวจจับอัตลักษณ์บุคคล ที่พัฒนาร่วมกับบริษัท ZOLOZ ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันและเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบ Biometric ระดับโลก สามารถตรวจสอบใบหน้าและเทียบค่าความเหมือน ต่าง ภายใน 3 วินาทีและมีความแม่นยำสูง ช่วยปกป้องและเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
นอกเหนือจากฟีเจอร์สแกนหน้ายืนยันเจ้าของบัญชีเพื่ออนุมัติรายการโอนและถอนเงิน ทรูมันนี่ยังเสริมฟีเจอร์และบริการด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมหลากหลายการใช้งานมากยิ่งขึ้น ภายใต้ระบบ TrueMoney Secure อาทิ
- การเรียกยืนยันตัวตนผ่านระบบสแกนใบหน้า เมื่อมีการใช้งานบัญชีบนอุปกรณ์ใหม่ และเมื่อระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ
- ตรวจสอบ แจ้งเตือน และหยุดธุรกรรมแปลกปลอมในทันที
- แจ้งเตือนและปิดกั้นการล็อกอินแบบรีโมตจากอุปกรณ์อื่น เพื่อป้องกันมิจฉาชีพที่สวมรอยเข้าถึงอุปกรณ์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บัญชี
- เปิดให้บริการสายด่วน 1240 กด 6 รับแจ้งเหตุต้องสงสัยด้านภัยทางการเงิน และแจ้งอายัดบัญชี ตลอด 24 ชั่วโมง
“ท่ามกลางความกังวลด้านภัยทุจริตทางการเงินที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ทรูมันนี่ยังมีความห่วงใยและขอแนะนำให้ผู้ใช้งานเลือกใช้ทรูมันนี่เป็นกระเป๋าเงินสำหรับใช้จ่าย โดยเฉพาะการทำธุรกรรมออนไลน์ เพราะรูปแบบการใช้งานทรูมันนี่นั้น ลูกค้าสามารถควบคุมการเติมเงินเพื่อใช้จ่ายได้ตามความพอใจ และไม่ต้องเปิดเผยเลขบัญชีธนาคารและเลขบัตรเครดิตเมื่อช้อปปิ้งออนไลน์ เนื่องจากสามารถผูกทรูมันนี่จ่ายตรงกับผู้ให้บริการรวมทั้งการใช้ฟีเจอร์ TrueMoney Mastercard ที่จะตัดจ่ายเฉพาะเงินที่เติมในทรูมันนี่เท่านั้น และยังสามารถกดเปิดปิดการใช้งานได้ ซึ่งจะช่วยตัดกังวลเรื่องการถูกลักลอบเอาเงินออกจนควบคุมไม่ได้” นายอธิปัตย์ กล่าวสรุป