หัวเว่ยประสบความสำเร็จในการผนึกกำลังกับผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยในการดำเนินการใช้เครือข่าย FDD Dual-Band Massive MIMO เฉพาะพื้นที่ในกรุงเทพฯ อย่างสมบูรณ์เพื่อรองรับการใช้งานเชิงธุรกิจ
โซลูชั่นนี้จะทำให้โมดูลบรอดแบนด์หนึ่งโมดูลสามารถรองรับเทคโนโลยี Massive MIMO และให้บริการบนคลื่นความถี่ 1.8 GHz และ 2.1 GHz โดยลดการใช้พื้นที่ในการติดตั้งเสาอากาศ และช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณมือถือ ปล่อยสัญญาณได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เครือข่าย LTE ที่มีอยู่เดิมมีความจุเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าตัว ความสำเร็จ ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของผู้ให้บริการด้านการสื่อสารที่ต้องการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี FDD กับตลาด 4G ในประเทศ
สำหรับธุรกิจโมบายล์บรอดแบนด์ (MBB) ประเทศไทยถือเป็นผู้นำในตลาดเกิดใหม่ หรือ ตลาดที่กำลังพัฒนาโดยเครือข่าย LTE ในประเทศไทยมีการพัฒนาศักยภาพอย่างสูง ทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือยกระดับประสบการณ์รวมทั้งความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง
การเติบโตอย่างรวดเร็วของบริการโมบายล์บรอดแบนด์ ทำให้การรับส่งสัญญาณ LTE พุ่งสูงขึ้น โดยการรับส่งสัญญาณ 4G ทั่วทั้งเครือข่ายเพิ่มขึ้นถึง 51% ในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือต้องเผชิญกับความกดดันในการเพิ่มประสิทธิภาพให้เพียงพอต่อความต้องการ จุดนี้เองส่งผลให้ผู้ให้บริการต้องหาวิธีใช้สถานี ส่งสัญญาณและจัดสรรคลื่นความถี่ที่มีอยู่ให้ได้เต็มศักยภาพ โดยในขณะเดียวกันต้องลดการดำเนินการที่สถานี ส่งสัญญาณรวมถึงค่าบำรุงรักษาด้วยเช่นกัน
เทคโนโลยี FDD dual-band Massive MIMO คือทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยในการเสริมเพิ่มศักยภาพให้กับเครือข่าย รวมถึงพัฒนาคุณภาพในการให้บริการและประสบการณ์ผู้ใช้งาน หากมองในภาพรวมตั้งแต่การตลาด การรับเรื่องร้องเรียน จนถึงการพัฒนาระบบเครือข่าย ถือได้ว่าเทคโนโลยี FDD dual-band Massive MIMO ช่วยให้เครือข่ายผู้ให้บริการคลื่นสัญญาณสามารถ ตอบสนองความต้องการที่สูงในบริเวณที่มีผู้ใช้งานหนาแน่นได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ เทคโนโลยีใหม่ยังรองรับการขยายตัวที่พร้อมปรับเปลี่ยนตามความต้องการ โดยเพิ่มความจุของเซลล์ได้ถึง 1.8 เท่า และความเร็วในการรับส่งสัญญาณในชั่วโมงเร่งด่วน (busy-hour speeds) ที่มีการใช้งานสูงได้ถึง 2.6 เท่าเมื่อเทียบกับ 4T6S ซึ่งเป็นโซลูชั่นเดิม ประสิทธิภาพที่สูงในระดับนี้ จะทำให้ผู้ให้บริการสามารถส่งสัญญาณได้มากกว่าความต้องการในบริเวณที่มีผู้ใช้หนาแน่นซึ่งมีการรับส่งสัญญาณ เพิ่มสูงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
เทคโนโลยี Massive MIMO มีความจำเป็นสำหรับเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ต้องการเพิ่มและขยายสัญญาณให้ครอบคลุม และลดคลื่นรบกวนในระหว่างการพัฒนาไปเครือข่าย 5G โดยการเลือกและเข้าใช้สถานีส่งสัญญาณได้สะดวกเครื่องที่ใช้ในการปล่อยสัญญาณเฉพาะพื้นที่ครั้งนี้ เป็นโมดูล FDD dual-band Massive MIMO ชุดแรกของอุตสาหกรรม ซึ่งใช้ระดับสเป็คและการวางระบบที่ดีที่สุดของระบบ MIMO บนเครือข่าย FDD ที่มีขนาดใหญ่
ด้วยจำนวนของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากมาย รวมถึงการรายงานช่องสัญญาณที่แม่นยำ การตั้งเวลาโดยผู้ใช้ และ การ precoding โดยผู้ใช้หลายราย เทคโนโลยี Massive MIMO ช่วยจัดสรรคลื่นความถี่รองรับการใช้งานจากผู้ใช้ หลายรายพร้อมๆ กันได้ เท่ากับเป็นการเพิ่มความจุให้กับเซลล์ LTE เดิมถึงสามเท่า ซึ่งการใช้เทคโนโลยี 5G บนเครือข่าย LTE ที่มีอยู่เดิม ได้พิสูจน์แล้วว่า สามารถเสริมประสิทธิภาพในการให้บริการ และช่วยในการแก้ปัญหาความจุในพื้นที่ที่ มีผู้ใช้งานจำนวนมาก ให้แก่ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณ(โทรศัพท์)มือถือได้นอกจากนี้ โมดูล FDD dual-band Massive MIMO ยังช่วยให้การเปลี่ยนไปใช้คลื่นความถี่ 5G NR เป็นไปได้อย่างราบรื่นผ่าน การอัพเดตซอฟต์แวร์ อีกด้วย
ประเทศไทยถือเป็นผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรม ในกลุ่มของตลาดเกิดใหม่ หรือ ตลาดที่กำลังพัฒนา รวมไปถึงเป็นประเทศที่พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีล่าสุดของอุตสาหกรรมอยู่เสมอ ซึ่งการเริ่มใช้โซลูชั่น FDD dual-band massive MIMO เฉพาะพื้นที่ นับเป็นตัวอย่างที่ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยขานรับแรงกดดันที่มาจาก ความต้องการความจุเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น และยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะค้นหานวัตกรรมสำหรับพัฒนาเครือข่าย 4G อีกด้วย
ในปี 2019 หัวเว่ยได้มอบโซลูชั่นต่างๆ ที่มีมูลค่าสูง อย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณมือถือในไทยสามารถแก้ไขปัญหาสัญญาณที่ไม่ครอบคลุม ความจุที่ไม่เพียงพอ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและการบำรุงรักษาที่สูง ในขณะเดียวกันก็เตรียมการสำหรับการเปลี่ยนไปสู่เครือข่าย 5G ด้วยต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่ต่ำลง
ดั่งเช่นที่ลูกค้าในประเทศไทยได้ให้ความเห็นไว้ว่า “ปัจจุบัน เครือข่ายบริการ 4G ยังโตอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาไปสู่ 5G ก็ใกล้เข้ามาทุกที ในจังหวะที่สำคัญเช่นนี้ เราจะเปิดรับนวัตกรรมใหม่เพื่อสร้างเครือข่าย 4G ที่มีคุณภาพอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมทั้งพัฒนาประสบการณ์ผู้ใช้ และมองหาการพัฒนาไปสู่ 5G”