ERWN องค์กรอิสระด้านความปลอดภัยทางไอทีจากประเทศเยอรมนี ได้จัดการทดสอบเชิงเทคนิคซอร์สโค้ดหรือรหัสต้นฉบับสำหรับ Unified Distributed Gateway (UDG) ของหัวเว่ย ที่ใช้ร่วมกับ 5G Core Network โดยผู้ตรวจสอบอาวุโสของ ERWN ได้ทดสอบซอร์สโค้ดดังกล่าวด้วยเครื่องมือและวิธีการชั้นนำต่างๆ รวมไปถึงแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม โดยตีพิมพ์รายงานผลการตรวจสอบ ซึ่งระบุถึงคุณภาพของซอร์สโค้ด หัวเว่ยได้พัฒนาขั้นตอนวิศวกรรมซอฟต์แวร์ UDG ให้มีความสมบูรณ์ เหมาะสม เป็นที่ยอมรับ นับเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีว่า 5G Core Network ของหัวเว่ยมีความพร้อมทั้งในแง่ความปลอดภัยและความเสถียร
UDG เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายแบบผสานซึ่งสามารถดำเนินการให้บริการได้ทั้งบนเครือข่าย 5G และเครือข่ายดั้งเดิม โดยสามารถทำงานในฐานะ User Plane Function (UPF) สำหรับ 5G Core Network และเป็นเกตเวย์ของ User Plane รวมทั้งเป็นเกตเวย์เครือข่ายสำหรับกลุ่มข้อมูลให้แก่เครือข่ายแบบดั้งเดิม ทั้งนี้ ERNW ได้ทดสอบซอร์สโค้ดของ UDG ณ ศูนย์ความโปร่งใสเพื่อความมั่นคงทางไซเบอร์ของหัวเว่ย (Huawei Cyber Security Transparency Center) ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม โดยได้ทำการตรวจสอบคุณภาพของซอร์สโค้ด กระบวนการการสร้าง และการจัดการองค์ประกอบต่างๆ ในระบบของโอเพนซอร์ส ซึ่งผลการตรวจสอบระบุว่า ความซับซ้อนของซอร์สโค้ดอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ ทั้งยังเกิดโค้ดซ้ำได้น้อยมากหรือเกิดเฉพาะในจุดที่เหมาะสม และสามารถหลีกเลี่ยงฟังก์ชันที่ไม่ปลอดภัยได้เมื่อจำเป็น
ด้านการตรวจสอบกระบวนการสร้าง ผลการตรวจสอบชี้ว่าระบบทวิภาค (Binary) ทั้งหมดถูกรวบรวมไว้ด้วยวิธีการจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัย ทั้งยังถูกสร้างขึ้นด้วยระดับเทียบเท่ากับระบบทวิภาคอื่นๆ อันเป็นที่ยอมรับ ส่วนผลตรวจสอบการจัดการระบบโอเพนซอร์ส แสดงให้เห็นว่าการแยกโค้ดโอเพนซอร์ส การจัดการโค้ด กระบวนการการจัดเอกสาร ไปจนถึงการจัดการแพตช์ต่างๆ อยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลและผ่านมาตรฐานสมัยใหม่ เมื่อพิจารณาผลการตรวจสอบเชิงเทคนิคทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของซอร์สโค้ดซึ่งเป็นเครื่องยืนยันที่ดีว่าหัวเว่ยได้พัฒนาขั้นตอนวิศวกรรมซอฟต์แวร์ให้มีความสมบูรณ์และเหมาะสมได้
ทั่วโลกต่างยอมรับว่าการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมต้องพึ่งพาเทคโนโลยี 5G มากขึ้น โดยจะมาพร้อมกับภัยคุกคามและมีผลกระทบมาก จึงต้องควบคุมดูแลห่วงโซ่อุปทานในระดับโลก (global supply chains) เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ ทั้งนี้ เพื่อให้ ก้าวทันเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หัวเว่ยมุ่งมั่นพัฒนาและสำรวจศักยภาพด้านความปลอดภัย จึงได้ร่วมมือกับ ERNW เพื่อเข้าการตรวจสอบในครั้งนี้ และหัวเว่ยหวังว่าจะสามารถร่วมงานกับลูกค้า พาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรม และหน่วยงานราชการต่างๆ ได้อย่างเปิดกว้าง ตรงไปตรงมา และโปร่งใสยิ่งขึ้น
ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์และโซลูชันต่างๆ ของหัวเว่ยได้รับการจัดจำหน่ายและแพร่หลายไปในกว่า 170 ประเทศและภูมิภาค ทั้งยังสามารถรักษาชื่อเสียงด้านความปลอดภัยในภาคอุตสาหกรรมไว้ได้ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางเทคนิคและความปลอดภัยรูปแบบใหม่ หัวเว่ย มองว่าการสร้างและรองรับระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลกอย่างครบวงจรเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักที่ต้องมุ่งเน้นพัฒนา นอกจากนี้ หัวเว่ยยังดำเนินการลงทุนในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้ดียิ่งขึ้นไป พร้อมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือกับกลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม พาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรม และหน่วยงานราชการต่างๆ ให้มีความโปร่งใสและเปิดกว้างมากขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการสร้างสภาพแวดล้อมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่น่าเชื่อถือสำหรับเทคโนโลยี 5G