จากสถานการณ์ของโควิด-19 ยังคงสร้างความท้าทายในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องของผลกระทบที่มีต่อรายได้ของคนไทยในปัจจุบัน ผลสำรวจของมาร์เก็ตบัซซ พบว่า คนไทยได้รับผลกระทบเรื่องรายได้และค่าตอบแทนเกือบครึ่งของประชากรทั้งหมด คิดเป็นร้อยละ 44 ที่มีรายได้และผลตอบแทนที่ลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ที่เคยได้รับก่อนสถานการณ์วิกฤตโควิด-19
นอกจากนี้ ร้อยละ 20 ของคนไทยยังกล่าวว่า พวกเขามีการใช้จ่ายทุกอย่างเป็นไปตามปกติ แต่ไม่มีเงินเหลือเก็บไว้สำหรับเป็นเงินออม และอีกร้อยละ 21 มีความจำเป็นจะต้องนำเงินออมไว้มาใช้จ่าย แต่ยังไม่มีความต้องการกู้ยืมเงินแบบสินเชื่อส่วนบุคคล แต่สิ่งที่น่ากังวลมากไปกว่านั้น คือ ร้อยละ 27 ของคนไทยไม่มีเงินเหลือเพียงพอในการใช้จ่ายและหวังพึ่งสถาบันการเงิน มีการกู้ยืมสินเชื่อส่วนบุคคล หรือขอยืมเงินจากคนในครอบครัว จากเพื่อน หรือแม้กระทั่งมีการนำสิ่งของออกไปจำนำเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย ซึ่งเป็นไปตามผลการสำรวจของมาร์เก็ตบัซซ ที่ติดตามผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งเป็นข้อควรระวังสำหรับหลายคนที่อาจได้รับผลกระทบและทวีความกังวลมากยิ่งขึ้นจากเหตุการณ์วิฤกตครั้งนี้
มร.แกรนท์ บาร์โทลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาร์เก็ตบัซซ กล่าวว่า หลายคนต้องพบกับอุปสรรคความยากลำบากในการจัดการเรื่องการเงินและมองหาความช่วยเหลือด้านการเงินจากธนาคารและรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ซึ่งจะได้รับผลกระทบหนักที่สุดและอัตราการไม่ได้ทำงานนั้นสูงกว่าครัวเรือนที่มีรายได้สูงมาก การสำรวจยังเผยให้เห็นว่าครัวเรือนที่มีรายได้น้อยมีความต้องการในการขอสินเชื่อมากขึ้น
อย่างที่ทราบกันดีว่า สถานการณ์ในขณะนี้ยังคงเกี่ยวข้องกับวิกฤตการณ์ด้านสุขภาพ แต่ก็ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจและคนไทยทั้งประเทศด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าการกักตัวจะช่วยการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ยังส่งผลให้คนไทยอยู่ในสภาวะทางการเงินที่ค่อนข้างเลวร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของรายได้ของครอบครัวที่ลดลง แม้ว่าจะมีมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินจากรัฐบาลเพื่อช่วยกระตุ้นประชาชนให้มีการใช้จ่ายเงินมากขึ้น
การสำรวจครั้งนี้เป็นการวิจัยโดยมาร์เก็ตบัซซ ในกลุ่มประชากรจำนวน 2,000 รายจากทั่วประเทศ ในระหว่างเดือนเมษายน 2563 และช่วงหลังของการล๊อคดาวน์ ในเดือนสิงหาคม – กันยายน 2563 ที่ผ่านมา