Vivo จัดงานประชุมนักพัฒนา 2020 Vivo Developer Conference ณ ศูนย์การประชุม Shenzhen World Exhibition & Convention Center พร้อมเปิดตัว OriginOS ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่สำหรับสมาร์ตโฟน ซึ่งเตรียมใช้งานแทน FuntouchOS ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่ยังไม่ระบุว่าจะได้ใช้เมื่อไหร่ และจะได้ใช้กับสมาร์ตโฟนรุ่นไหนบ้าง
Vivo ได้เปิดตัว OriginOS ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ในเวอร์ชันใหม่ที่มอบประสบการณ์ฟีเจอร์แบบดั้งเดิม ผสมผสานเข้ากับตัวเลือก ที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลาย ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้อธิบายถึงกลยุทธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่โดนใจผู้บริโภคอีกด้วย
จุดเริ่มต้นของ OriginOS มาจากความต้องการของผู้บริโภคที่ใช้สมาร์ตโฟน โดยยึดสามแนวคิดเป็นหลัก ได้แก่ การออกแบบ ความลื่นไหล และความสะดวกสบาย โดยทุกวันนี้สมาร์ตโฟนได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานมากขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย เช่น ข้อมูลที่มีมากจนเกินไป และความบันเทิงต่างๆ ที่มีมากมาย ชี้ให้เห็นว่าระบบปฏิบัติการบนสมาร์ตโฟนจะต้องตอบโจทย์ผู้ใช้งานแบบอยู่หมัด มอบประสบการณ์ที่เหนือกว่า และช่วยให้ผู้ใช้งานแสดงความเป็นตัวตนออกมาได้ชัดเจนที่สุด OriginOS จึงได้ปรับฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งานคุ้นเคย ด้วยการเพิ่มดีไซน์ใหม่ให้ดูน่าใช้งานมากขึ้น และสร้างประสบการณ์การใช้งานสมาร์ตโฟนที่เหนือระดับ
นอกจากนี้ภายในงานยังได้โชว์ความลื่นไหลของระบบปฏิบัติการ OriginOS ซึ่งรวมถึงการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานกระบวนการที่ซับซ้อนบนอุปกรณ์ของ Vivo ได้อย่างง่ายดาย และตอบโจทย์ทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน OriginOS มาพร้อมกับระบบการจัดการข้อมูลบนหน้าจอสุดล้ำที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับการบริการที่ทั้งสะดวกสบายและชัดเจน ตอบโจทย์ความต้องการในแต่ละวัน
และด้วยโครงสร้างที่เรียบง่ายบนสมาร์ตโฟนนี้เอง เหล่านักพัฒนาที่เป็นพันธมิตรของ Vivo จึงสามารถสร้างสรรค์และพัฒนารูปแบบต้นฉบับ เพื่อให้เกิดการใช้งานที่มีประสิทธิภาพและสามารถแก้ปัญหาให้ผู้ใช้งานคนอื่น ๆ ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
โดยภายในงานนี้ Vivo ยังได้ส่งมอบกลยุทธ์บริการบนแอปพลิเคชันและการอัปเดตล่าสุด รวมถึงเกมมือถือ พันธมิตรทางธุรกิจ การพัฒนาเทคโนโลยีแบบเปิดกว้าง และระบบนิเวศ IoT อีกด้วย
ภายในงานประชุม ชือ ยูเจียน รองประธานกรรมการอาวุโสของ Vivo กล่าวว่า “Vivo ได้ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มของบริษัท มุ่งเน้นไปยังจุดเริ่มต้นที่ผู้ใช้งานหลักต้องการ เพื่อยึดเป็นแนวทางเชิงกลยุทธ์ในการดำเนินงานในอนาคต นอกจากนี้ยังได้เผยถึงสามแนวทางหลัก อันได้แก่ การวางผลิตภัณฑ์และบริการที่ดึงดูดใจโดยยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง การร่วมมือกันในอีโคซิสเต็มของนักพัฒนาเพื่อประโยชน์ร่วมกัน และความเป็นที่สุดแห่งการเป็นผู้เชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้งานและโลกดิจิทัล”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Vivo ได้มอบประสบการณ์ให้แก่ผู้บริโภคทุกระดับด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งสมาร์ตโฟนหลายรุ่น นาฬิกาอัจฉริยะและหูฟังไร้สาย ซึ่ง Vivo ได้มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคตลอดมา อีกทั้งยังได้ทำงานร่วมกับแบรนด์ทีวี คอมพิวเตอร์พีซี และแบรนด์รถยนต์ต่างๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานบนหน้าจอที่หลากหลายแก่ผู้บริโภค และในอนาคต Vivo จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาแว่นตา AR พร้อมทั้งอุปกรณ์อัจฉริยะอื่น ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกประสบการณ์และความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
Vivo ร่วมมือกับพันธมิตรที่หลากหลายในการพัฒนาและส่งมอบประสบการณ์การใช้งานแก่ผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนให้มีการหลอมรวมเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้นเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จร่วมกัน และยังได้สร้างสรรค์ระบบนิเวศ (ecological system) ทั้งบนแอปพลิเคชัน เนื้อหาและบริการอื่น ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการยังได้นำเอาวิธีการวัดผลแบบเชิงลึกเข้ามาเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจแก่นักพัฒนา สนับสนุนแพลตฟอร์มความสามารถทางเทคนิค และการสร้างระบบนิเวศน์ IoT (IoT ecosystem) เพื่อเชื่อมต่อผู้บริโภคและโลกดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกัน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส