itel (ไอเทล ไทยแลนด์) แบรนด์โทรศัพท์มือถือน้องใหม่ในเครือ Transsion Holdings จากประเทศจีน ถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา ซึ่งมียอดขายเป็นอันดับ 1 ถึง 2 ปีซ้อน ล่าสุดได้เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับจากลูกค้าดีเกินคาด เตรียมทำการตลาดครบวงจร หวังยอดขาย 500,000 เครื่องในปี 2564

นายเจสัน เฉิน ผู้จัดการ ไอเทล ไทยแลนด์ กล่าวว่า ไอเทลไทยแลนด์ ร่วมกับบริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด ในเครือเบญจจินดา นำเข้าผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือแบรนด์ ไอเทล ที่ผลิตจากประเทศจีน ภายใต้บริษัท ทรานส์ชั่น โฮลดิ้ง โดยเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นแรกไปเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2563 ที่ผ่านมา รุ่น itel Vision1 มีกระแสตอบรับจากลูกค้าและผู้ใช้บริการเป็นอย่างดี ในปีนี้ทางไอเทลไทยแลนด์มีแผนที่จะทำการตลาดเพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการทำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น

โดยเน้นการทำประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักสินค้าและแบรนด์ ซึ่งแบรนด์ไอเทล ถือเป็นแบรนด์ที่มียอดขายอันดับต้น ๆ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในแอฟริกา โทรศัพท์มือถือของเราที่ผลิตออกมาจำหน่ายมีคุณภาพที่ดี ได้มาตรฐาน สเปกเครื่องครบครัน ถ้าเทียบกับราคาถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ

นายเจสันให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กลุ่มเป้าหมายของไอเทลคือกลุ่มผู้ใช้งานมือถือระดับเริ่มต้น กลุ่มคนที่มีสมาร์ตโฟนใช้หลายเครื่องเพื่อการใช้งานเฉพาะเจาะจง และกลุ่มตัวแทนจำหน่ายมือถือรายย่อย ซึ่งมือถือไอเทล จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 1,000 ไม่เกิน 3,000 บาท ถ้าเทียบกับคุณภาพของสเปกเครื่องถือว่าคุ้มค่ามาก น่าจะเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการมองหาสมาร์ตโฟนสักเครื่องเอาไว้ใช้งาน

นายเจสันกล่าวว่า ไอเทลได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด itel Vision1 Pro พร้อมกล้อง 8 ล้านพิกเซล แรม 3 จิ๊กกะไบต์ แบตเตอรี่ทนทาน ใช้งานได้ยาวนานกว่า เพราะมีระบบจัดการแบตเตอรี่ที่ดีด้วย AI Power Master อีกทั้งยังสามารถใช้งานแอปฯ เป๋าตังค์ คนละครึ่ง เราชนะ และแอปฯ ธนาคารต่าง ๆ ได้ ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการโทรศัพท์มือถือที่มีฟีเจอร์หลากหลาย คุณภาพครบเกินราคา เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ต้องการมีมือถือไว้ใช้งานแบบครบครัน แต่ราคาไม่แพงมาก หรืออาจไม่ได้มีกำลังซื้อมาก แต่มีความจำเป็นต้องใช้งานในหลาย ๆ รูปแบบ

ตัวเครื่องมาพร้อมกับ RAM 3GB และซีพียู Quad-core 1.4GHz ระบบปฏิบัติการ Android 10 (Go edition) ความจำของเครื่อง ROM 32 GB นอกจากนี้ยังเหลือพื้นที่ในการจัดเก็บรูปถ่าย วีดีโอ หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้มากกว่า 25GB และสามารถเพิ่มพื้นที่ในหน่วยความจำอื่น ๆ ได้สูงสุดถึง 128 GB

สำหรับแผนการตลาดในช่วงไตรมาสแรกนั้น นายเจสันระบุว่าจะเน้นการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายเป็นหลัก กระจายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายในแต่ละพื้นที่ ให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และเข้าถึงผู้ใช้งานให้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการขายผ่านช่องทางออนไลน์ใน Lazada และ Shopee นอกจากนี้ยังใช้ช่องทางออนไลน์อย่าง facebook แฟนเพจของ itel Thailand เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและผู้ใช้บริการ ซึ่งหลังจากเปิดตัว itel Vision1 Pro ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้า

นอกจากนี้ยังมีแพลนจะใช้กลยุทธ์ในการทำประชาสัมพันธ์ผ่าน Influencer และโซเชียลมีเดียเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบข้อมูลและรายละเอียดของสินค้า ตลอดจนมีความเชื่อมั่นในคุณภาพของแบรนด์และการรับประกันหลังการขายมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถทำยอดขายได้ 500,000 เครื่อง ให้ได้ตามที่คาดการณ์ไว้ภายในปีนี้ 

ช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์