วันที่11 มีนาคม 2559 – ได้เปิดตัว โครงการ ‘Safe Software, Safe Nation’ เป็นโครงการระดับประเทศ ที่จัดขึ้นเพื่อลดการใช้ซอฟต์แวร์ที่ผิดกฎหมาย และไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ ควบคู่ไปกับการป้องกันภัยและลดความเสี่ยงบนโลกไซเบอร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทาง กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย และหวังว่า ในอนาคตจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมสนับสนุนโครงการนี้ต่อไปด้วย
โครงการ Safe Software, Safe Nation มีการให้คำแนะนำและแนวทางปฎิบัติสากลในเรื่องการใช้และบริหารจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์ เพื่อปกป้ององค์กรธุรกิจและประชาชนทั่วไปจากการถูกมัลแวร์โจมตี ภัยและความเสี่ยงอื่นๆ โครงการนี้ยังจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมบนโลกไซเบอร์ที่ถูกกฎหมาย และมีความมั่นคงปลอดภัย โครงการนี้เกิดขึ้นตามแนวทางของ นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กล่าวว่า “ไม่ซื้อ ไม่ใช้ และไม่ขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นแนวทางที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหานี้“ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงบนโลกไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบอย่างมาก เพราะปีที่ผ่านมา การโจมตีเว็บไซต์ของรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 เลยทีเดียว
นายทศพล ทังสุบุตร รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “เราสนับสนุน โครงการ Safe Software, Safe Nation และจะประสานการทำงานกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกกฎหมายและมีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ โครงการนี้ยังจะส่งเสริมการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อส่งเสริมความน่าเชื่อถือของประเทศไทย พร้อมๆ กับการส่งเสริมนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์“
ด้าน พ.อ.ต.กิตติศักดิ์ ปลาทอง รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กล่าวว่า “การใช้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายและมีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธินั้นเป็นหนึ่งในขั้นตอนลำดับต้นๆ ที่จะเพิ่มความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ และยังต้องมีการสร้างความตระหนักรู้ การฝึกอบรมและให้ข้อมูลเพื่อให้องค์กรธุรกิจและประชาชนทั่วไปสามารถปกป้องตนเองและองค์กรได้ด้วย“
และ นายสมพร มณีรัตนะกูล นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (เอทีเอสไอ) กล่าวว่า “อาชญากรไซเบอร์บางครั้งพบช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ และหากไม่ได้รับเครื่องมือช่วย (Patch) แล้ว คอมพิวเตอร์จะมีความเสี่ยงต่อการถูกมัลแวร์โจมตี องค์กรธุรกิจที่ใช้ซอฟต์แวร์โดยไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ จะไม่สามารถขอรับความช่วยเหลือที่ถูกต้องตามกฎหมายจากผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ได้ มัลแวร์ถูกใช้ทำหน้าที่เป็นเหมือนสายลับ หรือสปายแวร์ (Spyware) และจะรายงานข้อมูลสำคัญ ความลับทางการค้า ข้อมูลการเงิน และข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไปให้อาชญกรไซเบอร์ให้รู้ได้“
โครงการ Safe Software, Safe Nation จะสร้างความตระหนักและให้ความรู้เรื่องการถูกมัลแวร์โจมตี และความเสี่ยงอื่นๆในกรณีที่ใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายและไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้นำองค์กรธุรกิจและประชาชนทั่วไป และพร้อมจะให้คำแนะนำและวิธีการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลเรื่องการใช้และบริหารจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์
เพราะ ทรัพย์สินทางปัญญา มีความสำคัญมากสำหรับอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ เพราะในปีที่ผ่านมา บก.ปอศ. พบองค์กรธุรกิจทั้งหมด 214 แห่งที่ใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายและไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ รวมมูลค่าความเสียหายร่วม 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากปี 2557 ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า องค์กรธุรกิจและผู้บริหาร จำเป็นต้องเข้าใจกฎหมายลิขสิทธิ์ให้มากขึ้น รวมถึงบทลงโทษทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องและผลกระทบต่อธุรกิจด้วย
“การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์จะส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อประเทศชาติ ประชาชน และองค์กรธุรกิจ ดังนั้น ความรับผิดชอบร่วมกันโดยหันมาใช้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายและมีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ จะช่วยให้ประเทศไทยมีความมั่นคงและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”