อัปเดต 17 ม.ค. 2563 คดีจบแล้ว อัยการสั่งไม่ฟ้องหนุ่ย พงศ์สุข
เรื่องราวเหตุการณ์ “หนุ่ย พงศ์สุข ถูกร้านค้าแผ่นเถื่อนแจ้งความ” ที่เกิดขึ้นมาเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นอีก 1 ปัญหาที่กำลังใกล้เข้าสู่ข้อสรุปทางกฎหมายไปทุกขณะ ซึ่งทางแบไต๋ก็ได้รวบรวมรายละเอียดข้อมูลก่อนหน้าไว้ทั้งหมดแล้วที่นี่
สรุปเหตุการณ์ หนุ่ย-พงศ์สุข ถูกร้านค้าแผ่นเถื่อนแจ้งความ สู่การโต้กลับอีกครั้งของวงการลิขสิทธิ์
ณ วันที่ 21 มีนาคม เวลาประมาณ 16:00 น. หนุ่ย พงศ์สุข ก็ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมครอบครัว และทนาย ซึ่งหลังจากได้มีการพบปะพูดคุยกับทางร้อยตำรวจเอก วีรศักดิ์ ทองบ่อ ที่สถานีตำรวจนครบาลบางนา พร้อมให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาแล้ว ทางหนุ่ย พงศ์สุข ก็ได้ออกมาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวที่เดินทางมาสัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้
เหตุการณ์นี้ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ พฤษภาคม 2560 ซึ่งเขาก็ได้พบว่ามีร้านจำหน่ายแผ่นละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ในห้างดังอย่าง เซ็นทรัล บางนา จึงได้ทำการโพสต์ลงโซเชียลของตน และได้แจ้งไปยังเพจเซ็นทรัลได้รับทราบ ว่า สิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และทางห้างได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นความจริง จึงได้ทำการยกเลิกสัญญาเช่าร้านนั้น ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ของเครือเซ็นทรัล ซึ่งเขาได้ให้คำมั่นว่าจะดูแลเรื่องนี้ ถ้าพบเห็นก็จะทำการยกเลิกสัญญาเช่ากับเจ้าอื่น ๆ ด้วย ซึ่งก็คิดว่าเหตุการณ์นี้จะจบลงตรงนี้ แต่แล้วเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมาก็ได้มีการรับ หมายเรียกผู้ต้องหา จาก สน.บางนา ซึ่งผมก็ได้หาคิวและเวลา จนมาลงเอยวันที่ 21 มีนาคมนี้หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์
ซึ่งทางร้อยตำรวจ วีรศักดิ์ ทองบ่อ ก็ได้เชิญมาฟังข้อหา
และเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 2,070,000 บาท
ซึ่งมูลค่าที่เรียกร้องมานั้นถือได้ว่าเกินกว่าจะนิ่งเฉย จึงได้รับทราบข้อกล่าวหาและให้การปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ในวันนี้ทั้งหมด
โดยส่วนตัวผมนั้นไม่ได้รู้จักและมีความแค้นส่วนตัวกับเจ้าของร้านแต่อย่างใด และอยากบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้เป็นการปรักปรำหรือใส่ความเจ้าของร้าน แต่มีภาพที่ถ่ายให้เห็นว่า สินค้าภายในร้านนั้นไม่ได้เป็นของถูกลิขสิทธิ์ ซึ่งได้รับการยืนยันจากพี่น้องวงการสื่อภาพยนตร์แล้วทั้งสิ้น
และอีก 10 วันข้างหน้า ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูนสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา ก็จะเดินทางมาเป็นพยานในคดีนี้ด้วย
อุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์นี้เป็นอีก 1 สื่อที่ได้รับผลกระทบมากโดยเฉพาะด้านสินค้าผิดลิขสิทธิ์ ซึ่งผมและแบไต๋จะยังคงตั้งใจรณรงค์เรื่องการใช้สินค้าถูกลิขสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่แค่เพียงผมเพียงคนเดียว แต่ต้องเป็นทุก ๆ คนที่ต้องช่วยกันสอดส่องดูแลเรื่องสินค้าผิดลิขสิทธิ์ ทุกคนที่สามารถเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ได้ เพราะปัจจุบันสินค้าลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะสื่อภาพยนตร์นั้นมีราคาถูกลงมาก และสามารถหาซื้อหรือเช่าผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งถ้าเราจ่ายเงินไปกับช่องทางถูกลิขสิทธิ์เหล่านี้ กลุ่มผู้ผลิต Content ก็จะมีกำลังใจ และมีเงินทุนหันมาพัฒนา Content ดี ๆ หรือสินค้าคุณภาพสูงให้พวกเราได้ต่อไปหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์
และสุดท้ายนี้หนุ่ย พงศ์สุข ก็ขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนทุก ๆ คนที่เดินทางมาทำข่าวในครั้งนี้ครับ