แทบไม่น่าเชื่อเลยว่ามันเป็นเพียงเวลาแค่ 4 เดือนหลังจากที่โลกได้รู้จักกับ Chat GPT ซึ่งเป็น AI Chat Bot (แชตบอต) จากบริษัท OpenAI ที่สามารถโต้ตอบ ช่วยเราทำงาน ค้นหาข้อมูล และนำเสนอไอเดียต่าง ๆ ที่น่าสนใจให้กับเราได้
นอกจากที่มันจะสร้างเสียงฮือฮาเรื่องความเฉลียวฉลาดแล้ว ยังสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ใช้งานและคนทำงานจำนวนมากว่าต่อไปงานหลายอย่างที่ต้องทำซ้ำ ๆ อย่างการเขียนอีเมลการตลาด หรือการตอบโต้กับลูกค้าออนไลน์ เจ้าแชตบอตตัวนี้น่าจะเข้ามาแทนที่ได้ไม่ยากในอนาคต
นอกจากนั้นแล้วมันยังจุดกระแสการตื่นตัวของอุตสาหกรรม AI ให้มีการแข่งขันกันอย่างหนักด้วย เพราะ OpenAI นั้นได้รับเงินสนับสนุนจาก Microsoft และตอนนี้เสิร์ชเอนจินอย่าง Bing.com ก็เริ่มเอามันเข้ามาใช้เพื่อนำเสนอการค้นหารูปแบบใหม่ (Chat Search) ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานทำงานได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Google ที่เป็นเจ้าแห่งตลาดเสิร์ชเอนจินไม่สามารถอยู่เฉย ๆ ได้จนต้องออกมาชี้แจงว่าพวกเขาก็กำลังพัฒนาแชตบอตของตัวเองเช่นกันชื่อ Bard แต่ตอนที่เดโมเปิดตัวก็ดันไปโชว์ข้อมูลที่ผิดพลาด จนทำให้หุ้นบริษัทร่วงและเกิดเป็นคำถามว่ารีบออกมาเกินไปรึเปล่า
มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือน ตอนนี้ ChatGPT4 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ขึ้นมาอีกหนึ่งรุ่น (ChatGPT ตัวเดิมคือเวอร์ชัน 3) ที่ทรงพลังมากกว่าเดิม เดี๋ยวมาดูกันว่ามันทำอะไรได้บ้าง จะใช้ยังไง และมันจะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น (หรือวุ่นวาย) มากขนาดไหนกัน
ChatGPT-4 คืออะไร?
สำหรับคนที่ยังไม่เคยใช้รุ่นก่อน หรือรู้จักแชตบอตมาก่อน อธิบายสั้น ๆ มันคือเครื่องมือ AI ที่โต้ตอบกับเราแบบแชตคุยกัน (นึกไม่ออกให้นึกถึงน้องแชตบอต AVA ครับ)
ส่วน ChatGPT4 ย่อมาจากคำว่า ‘Generative Pretrained Transformer 4’ ซึ่งถือเป็นเวอร์ชันที่ 4 ของ AI แชตบอตที่ถูกฝึกด้วยข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตปริมาณมหาศาลเพื่อตอบคำถามและมอบข้อมูลในรูปแบบข้อความที่เหมือนมนุษย์นั่นเอง (ซึ่งต้องโฟกัสที่คำว่า ‘เหมือนมนุษย์’ นะครับ เพราะมันทำให้รู้สึกว่าแชตบอตตัวนี้เข้าใจและมีเหตุผลนั่นเอง)
สมมติว่าเราเอาโจทย์การเขียนบทความใส่ไปใน ChatGPT4 แล้วบอกว่า
“เขียนบทความยาว 2 หน้า A4 หัวข้อ ‘ความสัมพันธ์เชิงการค้าระหว่างจีนและอเมริกาที่แข่งขันกันแต่ก็ขาดกันไม่ได้’ ในน้ำเสียงของนักวิเคราะห์ข่าว”
มันก็จะทำให้เลยภายในไม่กี่วินาที ถ้าไม่พอใจก็บอกว่าให้เขียนใหม่ ปรับคำสั่งจนจะได้ผลลัพธ์ที่เรานำไปใช้ต่อได้ หรือถ้าให้ลองนำข้อสอบจากการสอบเนติบัณฑิตของสหรัฐอเมริกาถาม ChatGPT-4 มันก็จะเขียนเรียงความด้านกฎหมายออกมาเลย
ถ้าอยากลองอะไรสนุก ๆ ก็ให้มันเขียนมุกตลก แต่งเพลง แต่งกลอน หรือแม้จะให้มันวางแผนการเดินทางในเมืองต่าง ๆ สำหรับการเดินทางครั้งหน้าก็ได้
ต่างจากเวอร์ชันเดิมยังไง?
สำหรับคนที่เคยใช้มาแล้ว (หรือติดตามข่าวมาบ้าง) จะทราบดีว่า ChatGPT เวอร์ชันเดิมนั้นมีโอกาสที่จะให้คำตอบที่ผิดพลาดและมีความเอนเอียงได้
บริษัท OpenAI บอกว่า ChatGPT4 นั้นจะมีความแม่นยำมากกว่า สร้างสรรค์ผลงานได้กว้างขวางขึ้นและทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ดีขึ้น และจะมีความแม่นยำเรื่องข้อมูลมากกว่าเดิมอีก 40% เลยทีเดียว
อีกฟีเจอร์หนึ่งที่ ChatGPT4 มีก็คือความสามารถในการรับการข้อมูลที่เป็นรูปภาพได้ด้วย ไม่ใช่แค่ข้อความอีกต่อไป นี่คือเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘Multimodal’ ที่ผู้ใช้งานใส่ข้อความไปพร้อม ๆ กับรูปภาพและหลังจากนั้น ChatGPT ก็จะประมวลผลและโต้ตอบกับเราได้เลย (ซึ่งต่อไปก็น่าจะเห็นการรองรับข้อมูลประเภทวิดีโอได้ด้วย)
ยกตัวอย่างง่าย ๆ เราสามารถถ่ายรูปของที่เหลือในตู้เย็นของเราแล้ว Chat GPT4 สามารถดึงสูตรอาหารที่เราสามารถทำจากของที่เหลืออยู่เหล่านั้นได้ หรือแม้แต่สร้างเว็บไซต์จากสเก็ตช์ที่เราวาดบนกระดาษก็ได้
ตอนนี้เทคโนโลยี GPT-4 ถูกนำไปใช้งานในบริบทที่มากกว่าแค่แชตบอตแล้ว อย่างบริษัท Duolingo (แพลตฟอร์มการเรียนรู้ภาษา) ก็ใช้มันเพื่ออธิบายให้ผู้เรียนภาษารู้ว่าตัวเองนั้นพลาดตรงไหน ไม่ใช่แค่บอกว่าต้องพูดแบบไหนถึงจะถูกแค่นั้น หรืออย่าง Stripe (สตาร์ตอัปตัวกลางที่ไว้ใช้รับเงินจากลูกค้าผ่านบัตรเครดิต) ก็ใช้เมื่อเป็นเครื่องมือตรวจจับแสกมเมอร์ภายในห้องแชต และอีกบริษัทหนึ่ง Be My Eyes ที่เป็นเทคโนโลยีสำหรับผู้พิการใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์รูปภาพเพื่ออธิบายและตอบคำถามเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมสำหรับผู้ใช้งานที่พิการทางสายตาด้วย
ข้อจำกัดและสิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้?
แม้ในส่วนของความสามารถทางเทคนิคอย่างการตอบคำถามทางคณิตศาสตร์หรือการทำข้อสอบต่าง ๆ ทำได้ดีขึ้นกว่าเวอร์ชันก่อน แต่ Chat GPT-4 ก็ยังคงมีข้อจำกัดที่เหมือนเดิมนั่นก็คือการตามข่าวหรือเหตุการณ์ปัจจุบันไม่ได้ มันยังเป็นแชตบอตที่ถูกฝึกด้วยข้อมูลที่มาก่อนปี 2021 และยังมีความ ‘เอนเอียง’ อยู่ในนั้น
แต่อย่างน้อย ๆ ในเวอร์ชันใหม่ Chat GPT-4 ได้มีการเติมฟิลเตอร์ตัวกรองไว้อีกชั้นหนึ่งเพื่อที่จะไม่ให้คำตอบแปลก ๆ หรือเหยียดเพศเหยียดผิว ไม่ตอบหรือปฏิเสธที่จะไม่ตอบได้เก่งขึ้น แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะให้ข้อมูลที่ผิดได้อยู่และนำเสนออุดมการณ์ที่เป็นอันตรายได้อยู่
ต่อจากนี้เราจะได้เห็นคู่แข่งของ Chat GPT-4 ออกมาอีกเพียบในตลาด แม้ว่า Microsoft จะเพิ่งเทเงินเข้าไปอีก 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับ OpenAI บริษัทอื่น ๆ ก็อยู่นิ่งเฉยไม่ได้เช่นกัน Google, Baidu, Facebook หรือแม้แต่ Apple เองก็ต่างออกมาบอกว่ากำลังทุ่มเทเพื่อพัฒนาแชตบอตของตัวเองเช่นเดียวกัน (ยังไม่นับสตาร์ทอัปเล็ก ๆ อื่นอีกมากมาย)
ใช้ได้ที่ไหน?
ตอนนี้ใครสนใจ ChatGPT แบบพื้นฐาน (เวอร์ชันเก่า) ก็สามารถเข้าไปใช้ได้ที่นี่ ส่วนเวอร์ชันใหม่ ChatGPT4 ตอนนี้เริ่มทยอยเปิดให้ใช้แล้วในหลาย ๆ ประเทศ โดยจะต้องเสียค่าสมาชิกเดือนละ $20 (700 บาท) และจะได้บัญชี ChatGPT Plus โดยตรงนั้นจะเป็นเวอร์ชันใหม่
ในอนาคตต่อจากนี้เราน่าจะได้เห็นมันใน Bing.com เสิร์ชเอนจินของ Microsoft และในแอปพลิเคชันอย่าง Microsoft Office และ เบราว์เซอร์ Edge ด้วย
ที่มา:
Bloomberg Trusted Review CNN
AP News Beartai
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส