ในโอกาสที่แบไต๋ได้ไปร่วมทริป Garmin เฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีของตระกูล Forerunner ที่ประเทศไต้หวัน จึงได้มีโอกาสจับเข่าคุยกับผู้บริหารระดับภูมิภาคเอเชียของ Garmin หนึ่งในสมาร์ตวอตช์ที่ครองตลาดอยู่ขณะนี้ และเขาคนนี้มีส่วนทำให้บริษัทเติบโตสวนกระแสตลาดถึง 27% ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 เขาคือ สค็อปเพน ลิน (Scoppen Lin)
สค็อปเพน ลิน ดำรงตำแหน่ง Assistant General Manager ดูแลการดำเนินงานทั้งในส่วนของการขาย และการตลาดของ Garmin ในหลากหลายประเทศ ทั้งอินเดียและประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากพูดคุยทำความรู้จักจึงทราบว่าคุณลินเป็นมนุษย์ประเภท One Life One Job หรือทำงานแรกและงานเดียวมาทั้งชีวิตคือบริษัท Garmin
นับตั้งแต่ปี 2000 คุณลินเขามาทำงานในตำแหน่งวิศวกรซอฟต์แวร์ ก่อนที่จะไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรเทคนิค และกระโดดข้ามมาดูแลงานฝ่ายการตลาด จึงเข้าใจแนวโน้มและทิศทางของเทคโนโลยี โครงสร้างทางอุตสาหกรรมและการพัฒนาทางเทคนิคเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังทราบว่าคุณลินเป็นคนรักการออกกำลังกายตัวยง โดยเฉพาะการปั่นจักรยาน (ถึงขนาดมีช่อง YouTube ของตัวเอง อยากเห็นฝีมือของเขาลองเสิร์ชชื่อนามสกุลภาษาอังกฤษของเขาดู) เขาเคยมาปั่นจักรยานที่สนามฟ้า สุวรรณภูมิของไทยด้วยนะ
เราจึงถามเขาว่าในโอกาสงานครบรอบ 20 ปีของตระกูล Forerunner คุณมีอะไรมาเซอร์ไพรส์แฟน ๆ Garmin บ้าง “ในฐานะที่เราอยู่มานานกว่า 20 ปี เลยอยากทำอะไรที่แตกต่างออกไป เช่น การจัดอีเวนต์พิเศษสำหรับ Forerunner โดยเฉพาะ ยกตัวอย่างที่ไทย คุณจะได้เห็น Night of Forerunner (จัดขึ้นวันที่ 2 เมษายน) หรืองานวิ่งตอนกลางคืนสำหรับคนรัก Forerunner รวมถึงงาน Garmin Run อีกครั้งในช่วงปลายปี”
เราถามคุณลินว่าส่วนตัวในฐานะที่คุณเองก็ออกกำลังกายโดยการปั่นจักรยานอยู่แล้ว คุณชอบความเปลี่ยนแปลงใน Foreruner 965 หรือ Forerunner 265 มากกว่ากัน “ส่วนตัวผมชอบฟังก์ชันที่หลากหลายใน Forerunner 965 แต่หากมองน้ำหนักที่เบากว่า ผมรู้สึกว่า Forerunner 265 จะตอบโจทย์มากกว่า”
คุณลินเล่าต่อว่า “ผมขอยกตัวอย่างฟังก์ชันที่ผมใช้บ่อย ๆ แล้วกัน ข้อดีของ Forerunner คือเป็นเหมือนโค้ชช่วยติดตามและอัปเดตการออกกำลังกายของเราไปในตัว ผมชอบฟีเจอร์ Training ทั้งหมดรวมถึง Health Status ที่จะบอกค่าสถานะสุขภาพต่าง ๆ เพราะนาฬิกาสามารถบอกเราได้ว่า วันนี้ควรจะวิ่งเท่าไหร่ วันต่อไปควรจะพักเท่าไหร่ และสามารถปรับความหนักเบาให้เข้ากับแต่ละคนได้ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่มีประโยชน์มาก ๆ ครับ”
เราไม่ลืมถามถึงปัญหานึงที่นักวิ่งหลายคนน่าจะเจอคือระบบ Indoor GPS หรือ GPS ในร่ม ที่มักจะออกอาการแกว่งเสมอ คุณลินตอบว่า “Garmin พยายามพัฒนาฟังก์ชันในร่มเยอะมาก ๆ แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องการเข้าถึง GPS อย่างที่รู้กันว่า ระบบ GPS มักจะใช้ไม่ได้เวลาอยู่ในอาคาร เพราะเราจับสัญญาณที่อยู่ไกลกว่า 300,000 กิโลเมตรจากโลก แต่ทั้งนี้เราแก้ปัญหาโดยการใช้เซนเซอร์คนละตัวกัน กล่าวคือเวลาคุณอยู่ในร่มตัวนาฬิกาจะจับระยะจาก Running Dynamic หรือการขยับการเคลื่อนไหวของมือหรือแกว่งแขนแทน ซึ่งอาศัยการเคลื่อนไหวของร่างกายมาช่วยคำนวณระยะทางนั่นเองครับ”
เห็นได้ว่า Garmin หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น เราจึงถามคุณลินไปว่าก้าวต่อไปของ Garmin คืออะไร “เราพยายามพัฒนาเซนเซอร์ที่โฟกัสเรื่องสุขภาพมากขึ้น จากที่เห็นว่าในยุคที่ 3 เราเน้นพัฒนาให้นาฬิกาติดตามข้อมูลสุขภาพผู้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อทำให้การเก็บค่าต่าง ๆ แม่นยำมากขึ้นครับ”
สุดท้ายเราให้คุณลินฝากถึงแฟน ๆ ว่าทำไมถึงต้องเลือก Forerunner “ผมคิดว่า Forerunner 265 และ Forerunner 965 เป็นสมาร์ตวอตช์ที่มีฟังก์ชันเยอะมาก อีกทั้งหน้าจอยังมีสีสันสวยงามมากขึ้นจากจอ AMOLED ทั้งหมดนี้ทำให้ Forerunner ไม่ได้เป็นแค่สมาร์ตวอตช์สำหรับนักวิ่ง แต่เป็นนาฬิกาที่ใส่ได้ทุกวัน เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ และคุณน่าจะมีไว้สักเรือนนะครับ”
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส