ในวัย 26 ปี จิมมี โดนัลด์สัน (Jimmy Donaldson) หรือที่เรารู้จักกันในนาม มิสเตอร์บีสต์ (MrBeast) ยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามกว่า 242 ล้านคน (และเติบโตอย่างต่อเนื่อง) ไม่ใช่เด็กๆ ที่บ้าพลังเหมือนอย่างแต่ก่อนอีกต่อไป
หากใครที่ติดตามผลงานของเขามาสักพักจะเห็นว่าคอนเทนต์มีการปรับเปลี่ยนให้โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
วันที่ 3 มีนาคม 2024 เขาทวีตเอาไว้บน X ว่า “ปีที่ผ่านมาผมปรับวิดีโอของเราให้ช้าลง โฟกัสที่การเล่าเรื่อง เว้นช่องให้ฉากต่าง ๆ ได้หายใจ ตะโกนน้อยลง มีตัวตนมากขึ้น วิดีโอยาวขึ้น ฯลฯ และยอดวิวของเราก็พุ่งกระฉูดเลย เพื่อน ๆ ยูทูบเบอร์ พอเถอะกับยุคสมัยคอนเทนต์ที่รีบเร่ง กระตุ้นเร้าอารมณ์ มันไม่เวิร์กเลย”
สิ่งที่เขาแชร์เป็นประเด็นที่น่าสนใจ และผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็เชื่อว่าการปรับตัวครั้งนี้ของมิสเตอร์บีสต์น่าจะช่วยทำอาณาจักรยูทูบที่สร้างรายได้ 700 ล้านเหรียญในปีที่แล้วของเขายิ่งเติบโตมากขึ้นด้วย
สูตรความสำเร็จของ YouTube
ในปีนี้ผ่านมาเพียงสามเดือนกว่า ๆ เว็บไซต์ Business Insider บอกว่าตัวเลขผู้ติดตามของช่องยูทูบ MrBeast เพิ่มขึ้นไปแล้วกว่า 17 ล้านคน (สำหรับครีเอเตอร์มากมายแค่ตัวเลขแตะล้านก็เหนื่อยแล้ว)
ที่ผ่านมาเราเห็นวิดีโอของเขาที่สนุกสนานท้าทาย เต็มไปด้วยสีสันและพลังงาน อย่างการให้คนมาเล่น ‘Squid Game’ แข่งกัน หรือ ซื้อซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อท้าให้คนไปใช้ชีวิตอยู่ในนั้น บางครั้งก็จะเห็นเขาออกมาบริจาคเงิน ช่วยการกุศล ปลูกต้นไม้หลายล้านต้น ขุดบ่อน้ำในพื้นที่กันดาล ฯลฯ
ผลงานของเขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความอยากรู้อยากเห็นของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ซึ่งผู้ติดตามมากมายชื่นชอบเพราะมันมีสีสันและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่หากใครได้ดูงานของเขาช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่ามันเติบโตมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2023 เขาก็เริ่มลองปรับภาพปกจากที่เคยอ้าปากทำหน้าตื่นตระหนกตกใจเป็นประจำให้กลายเป็นฉีกยิ้มเฉยๆ เขาบอกว่า “ระยะเวลาในการดูวิดีโอเพิ่มขึ้นทุกอันเลย”
บางคนก็ไม่ชอบ บางคนก็ชอบ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของการเปลี่ยนแปลง แต่โดยรวมแล้วดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางที่ดี Business Insider รายงานว่ายอดวิวโดยรวมตั้งแต่ตอนนั้นก็เพิ่มขึ้นมาแล้วกว่า 13,000 ล้านวิวบนช่องยูทูบของเขา
เขากับคอนเทนต์โตไปพร้อม ๆ กัน
ถ้าเราดูวิดีโอล่าสุด ‘I Survived 7 Days In An Abandoned City’ ที่ มิสเตอร์บีสต์และทีมงานบินไปที่เมืองกูปารี ในตอนใต้ของประเทศโครเอเชีย ซึ่งเป็นเมืองที่ถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่ช่วงปี 90’s เพราะสงครามบอลข่าน
คลิปความยาวเวลา 17 นาที ทีมงานเดินสำรวจอาคารรกร้างว่างเปล่า ตั้งแคมป์ และบันทึกภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ทั้งน่าสนใจและน่าตื่นเต้น ต้องแบ่งอาหารให้เพียงพอสำหรับ 7 วัน พบแมวจรจัดบ้าง ได้ยินเสียงแก้วแตกในช่วงกลางดึกตอนที่กำลังจะหลับบ้าง ฯลฯ
ถึงแม้ว่าวิดีโอนี้ยังมีการใช้มุมกล้องที่หลากหลาย ตัดสลับไปมาอยู่เรื่อย ๆในช่วงแรก ๆ แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว เราจะสังเกตได้เลยว่าจะไม่มีการตะโกนเสียงดังแบบเกินเหตุเหมือนกับวิดีโอในยุคแรก ๆ ของเขาอีกต่อไป
คัทยา วาร์บาโนวา (Katya Varbanova) ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดไวรัลบอกว่าการปรับเปลี่ยนแนวทางนี้มีเหตุผลเพราะตัวมิสเตอร์บีสต์ไม่ใช่วัยรุ่นอายุ 13 ปีเหมือนตอนที่เขาเริ่มต้นทำช่องยูทูบอีกต่อไป
“ตอนนี้เขาจะอายุ 26 ปีแล้ว และเป็นนักธุรกิจมืออาชีพทีเดียว” เธอกล่าว “ดังนั้นเขาจึงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และเนื้อหาของเขาก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย”
เธอคิดว่ามิสเตอร์บีสต์ต้องการเปลี่ยนแนวทางการทำคอนเทนต์ไปสู่การเล่าเรื่องมากขึ้น (Storytelling) และบอกเล่าเนื้อหาแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าการตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนที่ติดตามงานของเขา
“ฉันคิดว่าเราต้องถามตัวเองว่า ถ้าจิมมีในวัยรุ่นที่กำลังโด่งดังด้วยเนื้อหาสนุกสนานเร็ว ๆ ได้อ่านทวีตนั้น เขาจะเห็นด้วยและปรับกลยุทธ์ในตอนนี้รึเปล่า ฉันไม่แน่ใจนะ” วาร์บาโนวากล่าว “ที่จริงแล้ว ฉันกล้าพนันว่าเขาจะพูดว่า ‘ใครจะสนล่ะ – ฉันขอสร้างเส้นทางของตัวเองละกัน’”
พูดอีกอย่างหนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการตัดสินใจเพื่อตัวเองมากกว่าที่จะพยายามคาดเดาอัลกอริทึมของยูทูบที่ปรับเปลี่ยนและคาดเดาได้ยากซะมากกว่า
ยกตัวอย่างช่วงเดือนตุลาคม 2020 มิสเตอร์บีสต์เคยบอกว่าเขาไม่ได้กังวลเรื่องความยาวของวิดีโอของเขาว่ามันจะเหมาะกับอัลกอริทึมหรือเปล่า เขาหยิบวิดีโอที่ความยาวต่าง ๆ กันมาแชร์ว่ามันก็มีคนดูไม่น้อยและแนะนำครีเอเตอร์คนอื่น ๆ ให้อัปโหลดวิดีโอที่ ‘ดีที่สุด’ เท่าที่จะทำได้ดีกว่า “ไม่ว่าจะยาวแค่ไหนก็เหอะ อัปโหลดไปเลย” เขาบอก
ถ้าวิดีโอปังก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอัลกอริทึม เพราะมันจะหาผู้ชมได้เอง
พร้อมระบุว่ายูทูบจะไม่ดันวิดีโอออกทันทีเพียงเพราะ “มันสั้นกว่าที่เคยโพสต์ 1 นาที”
คอนเทนต์ถูกที่ถูกเวลา
เบน สตีล (Ben Steele) นักการตลาดสื่อสังคมออนไลน์ของเว็บไซต์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ The Big Phone Store บอกว่าถ้ามิสเตอร์บีสต์ทำคอนเทนต์แบบนี้ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นเขาอาจจะไม่ได้สำเร็จแบบนี้ก็ได้ แต่ด้วยความที่ตอนนี้เขาฐานผู้ติดตามที่ดี มีคนชื่นชอบเยอะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไร ผู้ติดตามก็จะตอบรับเชิงบวกอยู่ดี
เนื้อหารูปแบบใหม่ของมิสเตอร์บีสต์ทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ดูมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอิทธิพลของเขามากขึ้นอีกสตีลกล่าว เขามีฐานแฟนคลับเป็นกลุ่มวัยรุ่นอยู่แล้ว การปรับเนื้อหาให้ดูโตขึ้นก็จะเหมาะกับฐานคนดูที่เป็นกลุ่มมิลเลนเนียลและสูงวัยมากขึ้นด้วย
เพื่อที่จะเติบโตต่อไป เขาต้องดึงดูดผู้ชมในกลุ่มที่กว้างขึ้น ซึ่งรวมถึงผู้ชมวัยผู้ใหญ่ที่จะไม่ค่อยชอบวิดีโอเสียงดังและหยาบคายที่พร้อมจะไวรัลสักเท่าไหร่
สตีลอธิบาย
วาร์บาโนวากล่าวว่า วิธีที่ดีที่สุดในการประสบความสำเร็จในฐานะคอนเทนต์ครีเอเตอร์คือเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี คนมอบความรู้ หรือมอบความบันเทิงแก่ผู้ชม แล้วดูว่าแบบไหนที่ใช้ได้ผลบ้าง แทนที่จะพยายามเลียนแบบสิ่งที่ทำให้คนอื่นทำแล้วประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็น ‘สูตรแห่งความล้มเหลว’ เลยทีเดียว
“วิธีไปสู่ความลำบากที่ง่ายที่สุดของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ คือการพยายามทำสิ่งที่คนอื่น ๆ กำลังทำอยู่ โดยไม่ตั้งคำถามว่ามันเหมาะสมกับตัวเองรึเปล่า ฉันขอเตือนคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทุกคนว่าอย่าฟังคำแนะนำจากคนที่นำหน้าอยู่ 1,000 ก้าวแบบไม่ตั้งคำถามอะไรเลย”
วาร์บาโนวาบอกว่าวิธีที่ดีที่สุดในการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์คือการมองระยะยาว ไม่ใช่ตามเทรนด์ หรือเป็นคนที่สร้างเทรนด์ขึ้นมาเลย เพราะถ้าทำได้ “ต่อจากนั้นคุณจะทำอะไรก็ได้แล้ว”