เรื่องราวใน BT วันนี้พิเศษต่อยอดจากความสำเร็จของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย เราทราบกันดีว่าในโรงภาพยนตร์ไทย โดยปกติทั่วไปแล้วสถิติของหนังต่างประเทศกับหนังไทยจะทำรายได้อยู่ประมาณ 70-30 หรือไม่ก็ 80-20 กล่าวคือหนังต่างประเทศจะใหญ่กว่าเราเสมอ และที่ผ่านมาเป็นแบบนี้มาโดยตลอดตั้งแต่ยุคก่อนโควิดแล้วแต่ปีที่ผ่านมา แต่อยู่ ๆ ภาพยนตร์ไทยก็ได้รับความนิยมขึ้น มาถึงขนาดที่กินสัดส่วนการจำหน่ายตั๋วคิดเป็น 55% จากภาพยนตร์ที่ฉายทั้งหมด แปลว่าหนังไทยเราทำรายได้แซงหนังฮอลลีวูดรวมกันหลาย ๆ เรื่องหลาย ๆ ชาติด้วย อันนี้น่าสนใจมาก

แน่นอนว่าเรื่องนี้สร้างปรากฏการณ์อย่างมากโดยเฉพาะภาพยนตร์ที่เพิ่งลาโรงไปไม่นานนี้คือธี่หยดภาพยนตร์เรื่องนี้กวาดรายได้ไป 500 ล้านบาท เปิดตัวอย่างถล่มทลายแล้วก็จัดจำหน่ายไปกว่า 20 ประเทศ ด้วยสถิติที่น่าเร้าใจตรงที่ว่าสามารถจะฉายในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ยักษ์อย่าง imax ได้ด้วยโดยเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ได้ฉายในโรง imax ในหลากหลายประเทศเลยนอกจาก SEA รอบ ๆ เพื่อนบ้านเราแล้วยังไปรัสเซียไปจอร์เจียกลุ่มประเทศเรียกว่า cis วันนี้ภาครัฐก็สนับสนุนเต็มสูบเลยคือผลักดันยุทธศาสตร์ Soft Power แห่งชาติ จะผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยกันอย่างเต็มที่ วันนี้เราจะคุยกับผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ การกลุ่ม BEC World หรือช่อง 3 คุณ เทรซี แอนน์ มาลีนนท์ แล้วก็ CEO ของ M Studio คุณสุรเชษฐอัศวะเรืองอานันท์

ความเป็นมาเป็นยังไงที่ทำให้ช่อง 3 ซึ่งก็ทำละครอยู่เยอะมากอยู่แล้ว มาร่วมมือกับทาง M Studio เพื่อจะสร้างสรรค์ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ด้วยกัน?

คุณเทรซี แอนน์ มาลีนนท์ : ก็เราคิดว่าเรามีประสบการณ์ด้านคอนเทนต์น่ะค่ะแล้วก็โดยเฉพาะด้านละครแต่ในขณะเดียวกันอดีตที่ผ่านมาเราก็เคยผลิตภาพยนตร์อยู่เหมือนกันแล้วเราก็มีนักแสดงที่มีความสามารถอยู่ในสังกัดเป็นจำนวนมาก เราก็มาพบกับทาง M Studio เมื่อได้พูดคุยกันแล้วก็เห็นว่า M Studio เป็นผู้นำทางผลิตภาพยนตร์เราก็เลยคิดว่าเรามี synergy ที่จะทำงานร่วมกันได้

พอคุณเทรซี่เล่าว่าช่อง 3 เคยทำหนังมาแล้วผมเลยนึกได้ย้อนอดีตเลยตอนผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่มีเรื่อง “ฟ้า” ดอน ธีระธาดา เป็นนักแสดงนำแล้วก็ยังมีเรื่องอื่นอีก?

คุณเทรซี แอนน์ มาลีนนท์ : ในอดีตเรามีฟิล์มบางกอกที่ก็ผลิตภาพยนตร์เรื่องฟ้าทะลายโจรที่ออกฉายที่เทศกาลหนังเมืองคานเป็นหนังไทยเรื่องแรกนะคะเมื่อปี 2001 แล้วก็จะมี Bangkok Dangerous ที่ทางบริษัทของนิโคลัส เคจ ซื้อลิขสิทธิ์ไปรีเมคหรือแม้กระทั่งบางระจัน ที่ประสบความสำเร็จในด้านรายได้

ก็แปลว่ามีโปรไฟล์ในเรื่องของการทำหนังอยู่แล้วเคยเข้าโรงเมเจอร์อยู่แล้วฉะนั้นครั้งนี้ก็เลยคิดว่าถ้าจับมือกันมันจะแน่นขึ้น?

คุณเทรซี แอนน์ มาลีนนท์ : ใช่ค่ะมีพาร์ตเนอร์ที่ดีเราน่าจะมีความแข็งแกรงมากขึ้นและ M Studio ตอบรับความร่วมมือครั้งนี้ทันทีที่ช่อง 3 มาชวน

คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ : ซึ่งจริง ๆ อย่างงี้ครับ M Studio เองกับช่อง 3 เราก็เป็นพันธมิตรกันมายาวนานนะครับในมุมของการที่เราเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ เราต้องการสตอรี่ที่ดี ๆ มาทำงานเพราะฉะนั้นเราเชื่อว่าช่อง 3 เองด้วยพื้นฐานก็เป็น creator ซึ่งเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมาก ๆ ในเชิงของความนิยม จะสังเกตได้ว่าช่อง 3 ก็เป็น Content ที่ทุกคนรักมาอย่างยาวนานเป็นพื้นฐาน Content ของคนไทยเลยนะครับเพราะอน่างนั้นเราเชื่อว่า

  • 1 ด้วยความที่เรามองเห็น synergy เลยว่าช่อง 3 มี Content ดี ๆ อยู่ในมือมากมายไม่ใช่เฉพาะสตอรี่แต่เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นโปรดิวเซอร์ต่าง ๆ ก็คิดว่าสิ่งนี้จะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยได้นะครับ
  • 2 เราเชื่อว่าสื่อโทรทัศน์เองก็ยัง powerful อยู่ มีพลังมากยังไงคนก็ต้องเปิดดูโดยเฉพาะคนไทยก็ยังเป็นสื่อหลักที่คนไทยรักนะครับเพราะฉะนั้นช่อง 3 ที่เป็นผู้นำด้านสื่อโทรทัศน์ผมว่าจะช่วยให้หนังไทยเกิดกระแสตอบรับมากขึ้น เกิดการประชาสัมพันธ์ได้ในวงกว้างและทั่วประเทศ
  • สุดท้ายเราต้องยอมรับกันว่า ปัจจุบันมีเรื่องของ influencer หรือว่าการที่มีดาราหน้าใหม่เต็มไปหมดแต่ก็ต้องยอมรับว่าซุปเปอร์สตาร์ที่เราบอกว่า ซุปเปอร์สตาร์ต้องเป็นคนที่คนทั้งประเทศ รักแล้วก็สามารถที่จะเป็นคนที่เข้าถึงกับทุกเพศทุกวัยซึ่งซุปเปอร์สตาร์ กลุ่มนี้แหละครับอยู่ที่ช่อง 3

เราคิดว่าด้วยศักยภาพของเราทั้ง 2 ฝั่งรวมไปถึงทีมต่างประเทศของเราก็มีความชำนาญเรื่องเรื่องการขยายตลาดภาพยนตร์ไปต่างประเทศคิดว่านั่นคือจุดเริ่มต้นเพราะอย่างนั้นการร่วมมือกันถ้าไม่มี synergy จริง ๆ มันก็จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จอยู่แล้ว เรามองปัจจัยทั้ง 2 ที่จะช่วยทำให้อุตสาหกรรมหนังไทยโตขึ้นเลยจับมือกัน

ธี่หยดภาคแรก 500 ล้านเฉพาะในเมืองไทย ในต่างประเทศผลตอบรับเป็นอย่างไร?

คุณเทรซี แอนน์ มาลีนนท์ : รายได้ของต่างประเทศประมาณ Box Office ประมาณ 120 ล้านก็จะขึ้นอันดับ 1 ที่เวียดนามไต้หวันสิงคโปร์ก็ได้รับการตอบรับที่ที่ดีค่ะแล้วก็จะได้ลงแพลตฟอร์ม netflix เป็น Global licensing ก็คือทุกประเทศที่มีสมาชิก netflix อยู่กว่า 220 ล้านจะได้ดู

คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ : และยิ่งไปฉายในโรง imax ด้วย มันเป็นเรื่องพิเศษมาก ๆ เพราะหนังไทยไม่เคยมี imax ก็ต้องบอกได้ว่าเป็นโรงภาพยนตร์ใน Format ที่ดีที่สุดในโลกทั้งภาพและเสียง คงจะต้องคัดสรรที่ผ่านมาคงเลือกแล้วก็แน่นอนมันก็เลยกลายไปเป็นภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ของฮอลลีวูดซะส่วนใหญ่นะครับ เราเองเราก็ดีไซน์ออกแบบภาพยนตร์เรื่องธี่หยดตั้งแต่วันแรกว่าจะให้เป็น หนังที่มีคุณภาพสูงในทุกมิติไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Content บท แล้วก็โปรดักชัน เพราะฉะนั้นคิดว่าเราเป็นโปรดักชันที่ดีมาก ๆ เทียบเท่ากับมาตรฐานโลก เราก็เลยนำเสนอหารือกับ imax ในรายละเอียดซึ่งเขาก็เรียกว่ายอมรับถึงเกิดการตัดสินใจจับมือกับ imax ขึ้น

พอฉายไปก็ต้องยอมว่าในปีที่ผ่านมาเราเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในจำนวนคนดูมากที่สุดของ imax พวกเราก็ภาคภูมิใจเพราะเป็นของคนไทย แล้วก็ในต่างประเทศเราก็ใช้ imax ด้วยเช่นเดียวกันนะครับ แล้วตอนนี้สัดส่วน 55% ในประเทศไทยคือมากกว่าหนังต่างประเทศทุกชาติรวมกันตอนนี้ เป็นหนังไทยกินรายได้อยู่ค่อนข้างเยอะเลย จริง ๆ เป็นอย่างงี้มาตลอดตอนผมทำหนังไทยเรื่องแรก “ก้านกล้วย” ได้เจอนักพากษ์ที่มีคุณภาพสูงอย่างคุณหนุ่ยก็เลยทำหนังไทยร่วมกันเรื่องแรก ตอนนั้นสัดส่วนของหนังฮอลลีวูดต้องเรียกได้ว่า 80% หนังไทยก็นิดเดียว เพราะอย่างนั้นก็เรียกได้ว่าปีที่ผ่านมาด้วยทุกอย่างที่เราร่วมกันทำ ประกอบด้วยโปรดิวเซอร์ทุกคนนะครับที่สร้างสรรค์เรื่องราวที่น่าสนใจมาก ๆ แล้วก็การทำโปรดักชันที่เป็น World Class มากขึ้นทำให้ภาพยนตร์ไทยในปีที่แล้วเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมาก ๆ นะครับส่งผลจากการทำงานหนักมา 2 ทศวรรษแล้ว วันนี้เราเห็นชัดเจนแล้วว่าหนังไทยครองพื้นที่ได้จริง ๆ

เตรียม “ธี่หยด 2” ไว้อย่างไรบ้าง มันจะสนุกกว่าเดิมสยองขวัญมากกว่าเดิมหรือว่าสร้างความตื่นเต้นให้กับคนดูได้ขนาดไหนครับ

คุณเทรซี แอนน์ มาลีนนท์ : ธี่หยด 2 ก็จะเจอพี่ยักษ์ที่บู๊มากขึ้นกว่าเดิมหนังก็น่าจะมีความหลอนเพิ่มขึ้นกว่าเดิม แต่ว่าแก่นหรือหัวใจของภาพยนตร์เรื่องธี่หยดก็คือการต่อสู้เพื่อครอบครัวค่ะ

พระเอกนางเอกที่ทรงพลังเป็น ซุปเปอร์สตาร์ของวงการพอจะต้องย้ายสิ่งเหล่านั้นมาอยู่ในโลกภาพยนตร์ ต้องเตรียมตัวเยอะแค่ไหนหรือว่าต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

คุณเทรซี แอนน์ มาลีนนท์ : เรื่องศิลปะการเล่าเรื่องมันอาจจะต่างกันแต่ว่าถ้าพูดถึงความสามารถของนักแสดงที่เรามี ตัวนักแสดงต้องปรับตัวให้เข้ากับบทที่อาจจะต่างกันไปบ้าง ส่วนนักแสดงหน้าใหม่ที่เราอยากจะส่งเสริมเราก็จะพยายามให้เขาได้มีโอกาสเหมือนเรื่องธี่หยดที่มีนักแสดงใหม่ของทางช่อง 3 มาร่วมด้วยโดยที่มีณเดชเป็นตัวนำที่จะช่วย

หนังที่เวลาประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ผู้สร้างภาคต่อมักจะเกร็ง เชื่อว่าทางช่อง 3 กับทาง M Studio น่าจะเตรียมอะไรไว้พอจะบอกได้ไหม

คุณเทรซี แอนน์ มาลีนนท์ : ขั้นตอนการทำงานหรือทุก ๆ อย่าง เราก็เข้มข้นขึ้น

คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ : ต้องเรียกว่าโลกวันนี้มีความเป็นดิจิทัลแล้วก็มีความเป็นโซเชียล ซึ่งจะว่าไปในมุมบวกก็คือทำให้เราตอบรับฟีดแบคจากผู้ชมได้ค่อนข้างจะหลากหลายและรวดเร็ว เพราะการทำธี่หยดภาค 2 ไม่ว่าจะเป็นทีมครีเอทีฟ, ทีมโปรดักชัน, ทีม โปรดิวเซอร์, ทีมผู้กำกับรวมถึงทีมการตลาดทีมจัดจำหน่ายเราใช้ Data เราใช้ customer insight เข้ามาค่อนข้างเยอะนะครับ เพื่อที่จะบอกเราในเบื้องต้น เราลองย้อนนึกไปไปถ้า 20 ปีที่แล้วเราทำหนังเราคงจะต้องรอว่าข่าวภาคค่ำจะพูดถึงเรายังไงหรือไทยรัฐหนังสือพิมพ์หลัก ๆ จะลงโฆษณาหรือพาดหัวมั้ยอะไรแบบนี้ วันนี้มันแทบจะ Real Time เลยว่าคนดูหนังเดินออกมาแล้วสามารถตอบเราได้เลยแล้วตอบละเอียดด้วยว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไรเพราะฉะนั้นวันนี้ธี่หยดภาค 2 ก็คือการระดมความชอบอะไรที่ชอบเราก็จะยิ่งส่งมอบความสุขเหล่านั้นออกไปนะครับ อะไรที่ไม่ชอบเลยก็อาจจะลดลดลงไปบ้างนะครับ เพราะฉะนั้นอะไรที่อยากเห็นเราก็จะพยายามเสิร์ฟผู้ชมเยี่ยมเลยนะครับ

แปลว่าทีมงานชอบอ่านคอมเมนต์กันมากใช่มั้ยว่าในออนไลน์โซเชียลเว็บบอร์ดต่าง ๆ เวลาพูดถึงหนังวิจารณ์หนัง

คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ : จริง ๆ ไม่ใช่ทีมงานก็ทุกคนต้องอ่านครับ เพราะผมว่าธุรกิจอื่นไม่แน่แต่ธุรกิจหนังเหมือนเขาสะท้อนตรง ๆ เลยเพราะว่า Content is King จริง ๆ เวลาตอบปุ๊บตรงไปตรงมามาก ๆ นะครับเพราะฉะนั้นก็แน่นอนครับอะไรที่เขารักต้องบอกได้เลยว่าไม่ว่าจะสัปเหร่อหรือธี่หยด หรือ 4 King เรารู้เลยว่าคนไทยรักหนังไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ฐานแฟนคลับของหนังไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีนี้เลย

อยากจะให้ความร่วมมือครั้งนี้ระว่าง BEC World กับ M Studio สร้างสรรค์อะไรออกมาอีกในอนาคตครับ

คุณเทรซี แอนน์ มาลีนนท์ : ถ้าเร็ว ๆ นี้ก็จะมี “มานะแมน” ก็เป็นน้องนายนภัทรนะคะเล่น แล้วก็มีคุณโอ๊ตปราโมทย์ แล้วก็จะมีธี่หยด 2 แล้วเราก็จะมีความร่วมมือกันต่อไปอีกยาวเลยค่ะ

คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ : วันนี้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวด้วยกันตั้งใจจะเรียกว่า long term relationship เลยไปเรื่อย ๆ แล้วก็ไม่ได้กำหนดว่าเราจะต้องทำหนังกี่เรื่องอาจจะเป็น 3-4 เรื่องต่อปี อาจจะเป็น 5-6 เรื่อง 7 เรื่องก็ทำได้นะเพราะว่าโลกมันเปลี่ยนไป Business Model เปลี่ยนไปวันนี้หนังไทยไม่ใช่แค่เป็นที่ยอมรับเฉพาะคนไทยเท่านั้นจริง ๆ เป็นที่ยอมรับทั่วโลกอย่างที่คุณเทรซี่บอก เรื่องของธี่หยดบน Global แพลตฟอร์มจริง ๆ หนังไทยวันนี้เราก็ Pre Sale ก่อนเพราะฉะนั้นหนังไทยเราถูก Pre Sale ไปบน Global แพลตฟอร์ม ถูก Pre Sale ไปบน distributor ทั่วโลกถูก Pre Sale ไปบน sponsorship ครับที่ตอนนี้ตื่นเต้นอยากจะเป็นส่วนหนึงใน หนังเพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้เราคิดว่าไม่มีการลงทุน ที่ถูกหรือแพงจริง ๆ มีแต่ถูกกับผิดเพราะฉะนั้นหนัง 100 ล้านก็อาจจะไม่ได้แปลว่ามันเสี่ยงมากนะครับเพราะฉะนั้นสิ่งที่เรากับทาง M Studio กับทางช่อง 3 มุ่งมั่นก็คือเราจะส่งมอบคอนเทนต์ที่สร้างความสุขให้กับทุกคนเราจะยกระดับคุณภาพของการทำโปรดักชันหนังไทยให้เป็นสากลมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นเราก็จะเห็นภาพของหนังฟอร์มใหญ่ที่อาจจะใหญ่มาก ๆ โดยเราทำความร่วมมือกับพันธมิตรเราทั้งในไทยและต่างประเทศเพื่อยกระดับให้อุตสาหกรรมเราโตขึ้นไป เรื่อย ๆ

ทั้ง 2 ท่านอยากจะสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้อย่างนี้อย่างไรครับ

คุณเทรซี แอนน์ มาลีนนท์ : ด้วยความร่วมมือกับ M Studio เราก็จะเปิดกว้างเลยทั้งผู้ผลิตของเราเองทาง BEC World เราอยากส่งเสริมให้มีผู้กำกับใหม่แล้วก็นักแสดงทั้งทีมงานด้วยเพื่อจะได้ขยายธุรกิจภาพยนตร์ เป็นความร่วมมือระดับ long term relationship ก็คือยาวนานเพื่อให้มั่นใจ ได้ว่าจะเข็นให้ภาพยนตร์ไทยไปสู่โลกได้อย่างจริง ๆ

ภาพสุดท้ายที่มองคืออยากเห็นอะไรของวงการหนังไทยไปสู่โลก

คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ : ผมเองอยากเห็นอย่างนี้ครับคืออยากให้มองเรา 2 คนเมื่อกี้ใช้คำว่าเราก็ถูกต้องแล้วเพราะว่าเราเจอกันแทบจะทุกอาทิตย์แล้วก็ทีมงานทำงานเหมือนเป็นบริษัทเดียวกัน จุดเริ่มต้นที่เมื่อกี้คุณหนุยถามเรื่องการร่วมมือเราบอกแล้วว่าคือเรื่อง synergy ซึ่งก็ต้องถือได้ว่าเราเป็น synergy อย่างสมบูรณ์ก็คือ synergy แล้วประสบความสำเร็จเพราะฉะนั้น “บัวผันฟันยับ” ก็ได้ตอบแล้วว่าเราเรามี synergy นะครับ ธี่หยด เรา 2 คนอยากจะตอบว่าพวกเรามี synergy เราพร้อมจะเป็นผู้สนับสนุนให้กับทุกคนคุณขาดอะไรมากกว่าจริง ๆ Row ของเมื่อกี้ที่ใช้คำว่าเราคือในมุมของเราจะเรียกว่าเป็นบริษัทร่วมทุนของเราอยากจะส่งเสริมสนับสนุนและอยากให้ Content creator ทั้งประเทศไทยหรือในต่างประเทศมองเราเป็นผู้สนับสนุน คุณขาด Capital เราจะเติมเต็ม คุณขาด การตลาดเราจะช่วย คุณขาดการจัดจำหน่ายเราก็จะลงไปช่วยทำให้ คุณเป็นครีเอทีฟเราก็อาจจะช่วยแชร์มุม ที่เราทั้ง 2 องค์กรเป็นองค์กรด้าน Content เป็นองค์กรด้าน Story เป็นองค์กรด้านครีเอทีฟเราก็จะช่วยแชร์ช่วยบอก Inside หรือบอกแนวทางที่เราคิดว่ามันอาจจะเป็น opinion Second opinion ให้คุณได้ เพราะเรา 2 คนพยายามจะเติมเต็มอุตสาหกรรมเติมเต็ม creator ทั้งอุตสาหกรรมว่าให้เข้ามาจับมือกับเราเพื่อที่เราจะสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ไทยไปสู่ตลาดโลกร่วมกัน

ภาพที่อยากเห็นสิ้นสุดปลายทาง อยากเห็นอะไร

คุณเทรซี แอนน์ มาลีนนท์ : ก็อยากเห็นาภาพยนตร์ไทยสามารถไปในตลาดโลกได้แล้วก็เห็นบุคลากรไทยในภาพยนตร์เป็นที่ยอมรับของโลกได้ค่ะ ทุกวันนี้เวลากองภาพยนตร์ฮอลลีวูดเขามาเขาก็บอกว่าทีมงานไทยนี่น่ารักสั่งอะไรหรือ Request อะไรทำให้หมดคือบริการดีแต่แน่นอนคอนเทนต์เราต้องแข็งแกร่งด้วย

การร่วมมือครั้งนี้เรียกว่าเป็น Synergy ที่ดีที่สุดในปีที่ผ่านมาถึงปีนี้และปีหน้าด้วยเราก็จะได้เห็นทั้ง 2 บริษัทนี้ทั้ง BEC World ทั้ง M Studio ร่วมมือกันทำ Content คุณภาพขึ้นมาในระดับฟอร์มยักษ์เจ้าตัวบอกเองถูกแพงไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือสามารถใส่เข้าไปในแพลตฟอร์มที่มี ecosystem ระบบนิเวศที่พร้อมหมดแล้วฉะนั้นใครมีความคิดสร้างสรรค์คุณเทรซี่ก็เปิดกว้างนะครับอยากให้เข้ามามาอยู่ในแพลตฟอร์มที่มีทั้งเงินทุนมีทั้งโรงภาพยนตร์แล้วก็ส่งเสริมกันให้ไปในระดับโลกได้