ในโลกแห่งเสียงดนตรีที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย “ซาช่า อเล็กซ์ สโลน (Sasha Alex Sloan)” นักร้องสาวเจ้าแม่เพลงเศร้าของเหล่าวัยรุ่น Gen Z เป็นหนึ่งในศิลปิน นักร้อง-นักแต่งเพลง ที่เราไม่อาจมองข้ามได้เลย ด้วยสไตล์เพลงที่โดดเด่น เมโลดี้ที่ทรงพลังและเนื้อเพลงที่ลึกซึ้งกินใจ สร้างความรู้สึกได้อย่างเข้าถึงใจ เธอได้สร้างชื่อเสียงในฐานะศิลปินที่มีความสามารถในการสะท้อนความรู้สึกผ่านบทเพลงไปสู่ผู้ฟังได้อย่างลึกซึ้งสะเทือนอารมณ์
หลังจากที่เธอได้ประสบความสำเร็จจากเพลงฮิต “Dancing With Your Ghost” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม สร้างยอดสตรีมกว่า 500 ล้านครั้งใน Spotify และเป็นหนึ่งในเพลงที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงที่สะท้อนถึงอารมณ์ของคนรุ่นใหม่ ซาช่า อเล็กซ์ สโลนกลับมาพร้อมกับอัลบั้มล่าสุด “Me Again” ซึ่งเธอได้เล่าไว้ว่าเป็นการกลับมาของตัวตนที่แท้จริงของเธอในรูปแบบ ของเพลงที่สะท้อนถึงการเดินทางของอารมณ์และการยอมรับตัวตนที่แท้จริง นอกจากนี้แฟน ๆ ของซาช่า อเล็กซ์ สโลนคงกำลังตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้พบกับความรู้สึกอันลึกซึ้งและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยอารมณ์ในคอนเสิร์ต “Sasha Alex Sloan: ‘Me Again’ Tour Asia” ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ที่ Lido Connect ฮอลล์ 3 สำหรับใครที่ยังไม่มีบัตรเข้าชม สามารถซื้อได้ที่ thaiticketmajor.com อย่าพลาดโอกาสในการสัมผัสประสบการณ์ดนตรีที่เต็มไปด้วยความรู้สึกจากศิลปินคุณภาพคนนี้
และก่อนที่จะไปพบกับเธอในคอนเสิร์ต BT ได้มีโอกาสสัมภาษณ์เธอถึงแนวทางการสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่สะท้อนความรู้สึกส่วนตัวของเธอ ความหมายและแรงบันดาลใจที่อยู่เบื้องหลังอัลบั้ม “Me Again” รวมถึงเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังของชีวิต ความคิด และประสบการณ์ของเธอ มาร่วมติดตามเรื่องราวของซาช่า อเล็กซ์ สโลนในการสัมภาษณ์สุดพิเศษนี้กัน !
ใกล้จะถึงคอนเสิร์ตของคุณในประเทศไทยแล้ว อยากรู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับการแสดงในไทย และคุณเคยมาเมืองไทยมาก่อนไหม
ซาช่า : ฉันไม่เคยมาเลยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกของฉัน ฉันเลยตื่นเต้นด้วยหลายเหตุผล ทั้งการได้ลองอาหารไทยและสัมผัสวัฒนธรรม และแน่นอนว่าการได้มาแสดงคอนเสิร์ตที่นี่ ฉันคิดว่ามันเป็นวิธีที่เจ๋งที่สุดในการเป็นนักท่องเที่ยวเลยค่ะ
คุณได้เตรียมอะไรพิเศษสำหรับผู้ชมชาวไทยบ้างไหม
ซาช่า : ฉันคิดที่จะลองทำรายชื่อเพลงที่ไม่ซ้ำกัน ฉันพยายามเรียนรู้และปรับการแสดงของฉันให้เหมาะกับแต่ละเมืองที่ไป โดยเฉพาะในเอเชีย เช่นเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในที่นั้น และลองทำสิ่งที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละโชว์ค่ะ
อัลบั้มล่าสุด “Me Again” เป็นอัลบั้มแรกของคุณในฐานะศิลปินอิสระใช่ไหม แล้วประสบการณ์ในการสร้างและปล่อยเพลงด้วยตัวเองแตกต่างจากงานก่อนหน้าของคุณอย่างไร
ซาช่า : ใช่ค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันมีคนรอบตัวมากมายที่คอยบอกว่าฉันควรทำอะไร และพวกเขาคิดว่าฉันควรเป็นใคร แต่กับอัลบั้มนี้ฉันไม่มีใครให้ฟังนอกจากตัวเอง และนั่นเป็นสิ่งที่สวยงามมาก โดยเฉพาะในด้านความคิดสร้างสรรค์ ฉันได้ทำอัลบั้มที่อยากทำมานาน ซึ่งแตกต่างจากงานก่อนหน้านี้ มันเรียบง่ายกว่า เป็นธรรมชาติกว่า และเน้นไปที่ดนตรีแนวนักร้อง-นักแต่งเพลงมากขึ้น สิ่งที่น่าหวั่นใจในเรื่องนี้ก็คือฉันต้องเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองและเชื่อในตัวเอง ซึ่งน่าหวั่นเหมือนกันแต่ฉันก็ดีใจที่ได้ทำมันค่ะ
อัลบั้มนี้มีความสวยงามและเต็มไปด้วยความรู้สึกจริง ๆ แม้ว่ามันอาจจะเริ่มจากการเล่าเรื่องส่วนตัว แต่ก็มีความเป็นสากลและสามารถเชื่อมโยงกับผู้ฟังได้เป็นอย่างดี คุณช่วยแชร์แรงบันดาลใจเบื้องหลังเพลงที่คุณชอบในอัลบั้มนี้บางเพลงได้ไหม และเพลงเหล่านั้นสะท้อนการเดินทางส่วนตัวของคุณอย่างไร
ซาช่า : แน่นอนค่ะ หนึ่งในเพลงที่เป็นส่วนตัวที่สุดในอัลบั้มนี้คือเพลง “Kids” ค่ะ มันเกี่ยวกับการเห็นแม่ของฉันแก่ขึ้นและตระหนักว่าเราทุกคนจะมีอายุเพิ่มขึ้นถ้าเราโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ และเพลงนี้มีความหมายพิเศษกับฉันเพราะมันเป็นสิ่งที่เป็นสากลมาก อย่างที่คุณพูดเลย เราทุกคนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องเฉพาะตัว แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ นอกจากนี้ยังมีเพลงอีกเพลงที่ฉันภูมิใจมากชื่อว่า “Only You Can” ซึ่งเกี่ยวกับคนในชีวิตของฉันที่มีปัญหาการติดยาเสพติดมานาน ฉันเลยอยากเขียนเพลงเพื่อให้กำลังใจคนที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้ ฉันรู้สึกว่าได้ยินเพลงที่สื่อจากมุมมองของคนที่ติดยาเสพติดบ่อย ๆ แต่การติดยาเสพติดก็ส่งผลกระทบต่อเพื่อนและครอบครัวของคนที่ติดยาเช่นกัน ดังนั้นการเขียนเพลงนี้จึงสำคัญมากสำหรับฉัน และฉันรู้สึกดีที่ได้ปล่อยมันออกมาสู่โลกใบนี้ ทุกเพลงในอัลบั้มนี้มีความเป็นส่วนตัวมากจนฉันสามารถพูดคุยเกี่ยวกับมันได้เป็นเวลานานเลยค่ะ
อยากบอกว่าเพลงทั้งสองที่คุณพูดถึงมันมีความหมายมากจริง ๆ และมันสามารถเชื่อมโยงกับผู้ฟังอย่างเราได้ดีมาก ๆ เลย
ซาช่า : ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
แล้วการทำงานในวงการดนตรีของคุณเริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร
ซาช่า : มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญค่ะ ฉันไม่เคยตั้งใจจริง ๆ ว่าจะทำงานในวงการดนตรี เพราะฉันรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้ แต่แม่ของฉันเป็นคนที่สนับสนุนฉันอย่างมาก ให้กำลังใจฉันในทางที่ดีตลอดเลย ไม่ใช่ในแบบที่จู้จี้น่ารำคาญอะไรแบบนั้นเลยค่ะ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจไปเรียนที่ Berklee College of Music แต่หลังจากเรียนปีแรก ฉันก็ออกมาเพราะได้รับข้อเสนอทำสัญญาในการเขียนเพลงและย้ายไปลอสแองเจลิส จากนั้นทุกอย่างเริ่มดำเนินไปเรื่อย ๆ แม้ว่าจะใช้เวลานานและมีช่วงเวลาที่ฉันเกือบจะยอมแพ้และกลับบ้าน แต่แล้วทุกอย่างก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง แม้ว่ามันจะเป็นความฝันของฉันอยู่เสมอ แต่ฉันไม่ใช่คนที่มีความมุ่งมั่นแน่วแน่เลยค่ะ ฉันเคยคิดว่าฉันจะยอมแพ้ในบางช่วงเวลานะคะ
สุดท้ายแล้วคุณก็ทำได้ และทำมันได้ดีสุด ๆ ไปเลย เราอยากถามเกี่ยวกับการเขียนเพลงของคุณบ้าง เพราะวิธีการเขียนเนื้อเพลงของคุณนั้นมีความเรียบง่ายและงดงามมากเลย อยากรู้ว่าคุณหาแรงบันดาลใจจากที่ไหน และปกติแล้วเวลาคุณเขียนเพลงคุณทำอย่างไรบ้าง
ซาช่า : เอ่อ นี่อาจจะเป็นคำตอบที่แย่ที่สุดนะคะ (หัวเราะ) แต่ฉันพบแรงบันดาลใจจากทุกที่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ดูทีวี เล่นวิดีโอเกม หรือการพูดคุยกับคนอื่นและเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของคนอื่น ๆ ฉันมักจะมีไอเดียเพลงเกิดขึ้นจากการพูดคุยเรื่อยไปในชีวิตประจำวัน และสำหรับฉัน กระบวนการทำงานจะเริ่มต้นด้วยการเขียนเนื้อเพลงก่อน จากนั้นจึงสร้างองค์ประกอบดนตรีที่เหมาะสมรอบ ๆ แนวคิดนั้น ซึ่งเป็นวิธีที่ฉันมักจะใช้ในการทำเพลงค่ะ การทำงานของฉันจะมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับสถานการณ์ค่ะ
เมื่อคุณมองย้อนกลับไปที่ดนตรีของคุณตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ มันมีการพัฒนาอย่างไรบ้าง
ซาช่า : คุณรู้ไหม ฉันคิดว่ามันได้พัฒนาไปในหลาย ๆ ด้าน ฉันไม่ใช่คนเดิมที่เคยเป็นตอนเริ่มต้น ดังนั้นดนตรีของฉันจึงเปลี่ยนไปตามตัวฉันเอง ตอนอายุ 29 ปีของฉันกับตอนอายุ 20 ปีนั้นแตกต่างกันมาก ซึ่งมันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ถึงอย่างนั้น ฉันคิดว่าการเขียนเพลงของฉันไม่เปลี่ยนแปลงมากนักตั้งแต่วันแรก มันยังคงคล้ายเดิมในแง่ของเนื้อเพลงและโครงสร้าง แต่สิ่งที่แตกต่างคือ ฉันรู้สึกว่าอัลบั้มนี้เป็นตัวตนที่แท้จริงของฉันที่สุด และฉันก็รู้สึกไม่กลัวที่จะเป็นตัวเองอีกต่อไป
แล้วสิ่งที่ท้าทายที่สุดในอาชีพของคุณจนถึงตอนนี้คืออะไร และคุณได้เอาชนะมันอย่างไร
ซาช่า : ฉันคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราพูดถึงเมื่อสักครู่นี้ คือการเชื่อมั่นในตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่ฉันต่อสู้กับมันและพูดถึงในเพลงของฉัน ฉันมักจะพบกับศิลปินหรือคนที่ทำเพลงที่ฉันรู้สึกว่า ‘ว้าว คุณเกิดมาเพื่อเป็นศิลปิน’ แต่ฉันไม่รู้สึกแบบนั้น ฉันคิดว่าฉันรอให้รู้สึกแบบนั้นมานานแล้ว แต่ยังไม่เคยรู้สึกได้เลย ดังนั้นสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับฉันคือการเตือนตัวเองว่า ‘เธอทำได้ สู้ต่อไป’ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่มาถึงฉันโดยธรรมชาติเลยค่ะ
คุณมีอะไรอยากบอกกับแฟน ๆ ในประเทศไทย และแฟน ๆ ที่กำลังรอคอยที่จะพบกับคุณในคอนเสิร์ตไหม
ฉันอยากจะขอบคุณที่ฟังเพลงของฉันค่ะ มันมีความหมายมากจริง ๆ และถ้าคุณได้ฟังอัลบั้มใหม่ ฉันหวังว่าจะมีเพลงสักเพลงที่ตรงกับความรู้สึกของคุณ และฉันจะไปที่ไทยในเดือนสิงหาคมนี้ ดังนั้นหวังว่าจะได้เจอกันที่คอนเสิร์ตนะคะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ