สมัยมหาวิทยาลัย เรามักจะได้ยินเพื่อนหมอหรือบรรดาเพื่อนๆ ในคณะสายวิทย์ สุขภาพทั้งหลาย พูดถึงวิชา “Anatomy” หรือ กายวิภาคศาสตร์ กันเป็นประจำ เพราะเป็นวิชาพื้นฐานในการเรียนวิชาอื่น แต่เด็กสายอื่นแบบเราๆ ก็มักจะงงกันเสมอ ว่าเรียนอะไรกันบ้าง? ยากมั้ย? ทรหดรึเปล่า? เป็นคำถามที่ค้างคาใจมานาน จนกระทั่งเรียนจบกันแล้ว ก็ยังคงงงๆ กันอยู่ และด้วยความสงสัยที่เก็บซ่อนมานาน บีเลยหาโอกาสไปนั่งคุยกับ “เบล – ธัญญารัตน์ บรรณวงศิลป์” สาวป.โท ที่เรียนในสาขากายวิภาคศาสตร์โดยตรงซะเลย ว่าสาขานี้เรียนอะไร สนุกมั้ย ใช้ชีวิตยังไง เอาหล่ะ ไปพบกับเธอกันค่ะ!!

ทำไมเบลถึงเลือกเรียนกายวิภาคศาสตร์

ตอนป.ตรีเบลเรียน คณะกายภาพบำบัด สาขากิจกรรมบำบัด แต่ที่เบลเลือกเรียนต่อกายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) เพราะเราชอบศึกษาร่างกายมนุษย์ อยากรู้ว่าในร่างกายคนเรามันเป็นยังไง (หัวเราะ)

และมันเป็นพื้นฐานของสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ คือถ้าเรายังไม่แน่นเรื่องโครงสร้างในร่างกาย เวลาเราไปเรียนเรื่องระบบการทำงานในร่างกาย มันก็จะเข้าใจไม่เต็มที่ ก็เหมือนเวลาเราสร้างบ้าน ถ้าฐานไม่แน่น พอต่อชั้นขึ้นไป ข้างบนก็โคลงเคลง

สำหรับเบล ตรีกับโท แตกต่างกันมากมั้ย

ต่างนะ ป.ตรีจะเรียนไม่เครียดเท่า ป.โท คือจะยังมีความเฟรชๆ สดใสสไตล์เด็กมหาวิทยาลัยไง เลิกเรียนตอนเย็นก็ไปหาอะไรกินกะเพื่อนๆ สนุ๊กสนุก แต่พอขึ้นมาป.โท โฮ้! ชีวิตพลิกเลย ต้องแยกย้ายจากเพื่อน มาอยู่คอนโดคนเดียว ตอนแรกนี่เหงามาก ต้องลงไปคุยกับพนักงานเซเว่นข้างล่างเพราะกลัวน้ำลายบูดค่ะ (หัวเราะ) เรียนก็เยอะ สอบก็บ่อยมาก ต้องอ่านหนังสือทุกวันเลยคือกลายเป็น New Bell เลยอะ

เล่าเรื่องการใช้ชีวิตในคณะให้ฟังหน่อยสิ

ในคลาสเรียนป.โทของภาควิชาเราจะมีอยู่ 14 คน ตอนเรียนอะสนุกมาก แต่ตอนสอบนี้ไม่สนุกเลย (หัวเราะ) แล้วของเราจะมีคาบที่ต้องผ่าอาจารย์ใหญ่ คืออยากจะบอกว่ามันไม่ได้น่ากลัวเลยนะจริงๆ แต่ละกลุ่มจะมี 4 คนต่ออาจารย์ใหญ่ 1 ท่าน แล้วกลุ่มของเบลคือจะเป็นกลุ่มที่สุนทรีย์มาก ฮัมเพลงไปผ่าไป เพื่อไม่ให้เครียด โอ้ย อรรถรส! แต่พออาจารย์เดินมาก็รีบเปลี่ยนไปคุยเรื่องเรียนเลยจ้า (หัวเราะ) เพื่อนๆ ทุกคนน่ารักมาก ช่วยกันเรียน มีอะไรก็แบ่งปันกัน ยิ่งแนวข้อสอบนี้สำคัญมาก ใครมีแนวมาแบ่งเพื่อนๆ นี้คือพระมาโปรดเลย

กายวิภาคศาสตร์ เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง

ในปี 1 เราจะเรียนอยู่ 4 วิชาหลักๆ ก็คือ

  • วิชา Gross Anatomy : อันนี้ก็ศึกษาเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ เป็นโครงสร้างใหญ่ๆ มีการผ่าอาจารย์ใหญ่เหมือนที่ทุกคนรู้จัก
  • วิชา Histology : วิชานี้จะต้องส่องกล้องเพื่อดู Cell ต่างๆ ในร่างกาย คือเป็น cell ที่เล็กๆอะ แต่ละ cell ก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน อันนี้โหด คือต้องใช้ความมโนนิดนึง เพราะมันคือสิ่งที่เราไม่เคยเห็นในชีวิตประจำวันอะ พระเจ้า!
  • วิชา Embryology : เป็นวิชาที่ศึกษาดูตัวอ่อนในท้องก่อนที่เราจะเกิด คือคิดดูว่าต้องดูตัวอ่อนของลูกหมูลูกไก่ ดูว่าไอ้รอยนูนนี้มันจะเจริญไปเป็นแขนขานะ ส่วนตรงนี้จะเจริญไปเป็นตานะจ้า โห่ย เรียนตอนแรกจะร้องไห้ ให้ฉันดูอะไร (หัวเราะ) แต่อาจารย์สอนสนุกมาก หลังๆ มาเลยชอบวิชานี้สุด
  • วิชา Neuroanatomy : วิชานี้เรียนเกี่ยวกับระบบประสาท แบบว่าถ้าเสียหายสมองส่วนนี้ ร่างกายจะเป็นยังไง มีอาการยังไง บอกเลยว่าหินมาก คือเหมาะมากกับคนที่ชอบคิดต่อ คิดเยอะ ยิ่งคิดมากยิ่งดี คือเอาตรงๆ ว่าถ้าเก่งจำอย่างเดียวก็ไม่รอดนะวิชานี้ (หัวเราะ) พูดแล้วก็ขนลุก  

ส่วนตอนปี 2 จะต้องเข้าแลปและทำวิจัย ทำวิจัย และทำวิจัย เพื่อสอบจบ อันนี้รุ่นพี่ก็กระซิบมาว่าหินกว่าตอนปี 1 อีกนะแก

วิชาไหนที่เป็น My Fav ของเบล

ชอบวิชา Embryology ที่สุด เพราะอาจารย์สอนสนุกมาก เหมือนนั่งฟังนิทานแล้วค่อยๆ ดูการเปลี่ยนแปลงของตัวอ่อนไปเรื่อยๆ วิชานี้ต้องส่องกล้องเพื่อดูตัวอ่อนนะ แล้วเราก็จะได้รู้ด้วยว่า ถ้าตัวอ่อนผิดปกติในช่วงนี้ เด็กที่เกิดมาจะเป็นยังไง เราก็จะรู้เหตุและผลที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ มันเจ๋งมากเลย!

เป็นสาขาที่ต้องเรียนกับอาจารย์ใหญ่แบบจริงจังมากเลย หวั่นบ้างมั้ย

ไม่เลย.. เบลชอบตอนที่ทำบุญให้กับอาจารย์ใหญ่ แล้วได้พบปะพูดคุยกับญาติของอาจารย์ใหญ่ คือพวกเขาดูภูมิใจมากที่คนในครอบครัวได้บริจาคร่างกายเพื่อให้พวกเราได้ศึกษา อยากบอกพวกท่านนะคะ ว่าพวกเราได้ใช้ร่างอาจารย์ใหญ่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการเรียนรู้แล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

แรงบันดาลใจในการเรียนของเบล

เบลอยากเป็นอาจารย์ เวลาเราได้เรียนกับอาจารย์สอนให้นักศึกษาเข้าใจได้ มันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากอะ เราจะรู้สึกว่าอาจารย์คนนั้นเท่มาก เราอยากเป็นแบบนั้นมั่ง อยากเอาความรู้ที่เรามีไปสอนให้ผู้เรียนของเราเข้าใจ จำได้ เอาไปประยุกต์ใช้ได้ แค่นั้นก็เยี่ยมมากๆ แล้ว

วางแผนอนาคตหลังเรียนจบไว้ยังไงบ้าง

ก็คงเรียนต่อป.เอกอะค่ะ (หัวเราะ) คือถ้าอยากเป็นอาจารย์ก็ต้องเรียนต่อ เพราะเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่เขาก็รับวุฒิป.เอก เอาง่ายๆ ว่าเรียนจนแก่ เพื่อนบางคนมีลูก 2 แล้วแต่อิฉันยังเรียนอยูเลยจ้า (หัวเราะ)

ขอคติปลุกใจให้ถึกหน่อยสิ!!

เบลใช้หลัก 3 อ.

1.อ่าน : ถ้าเราอยากจำได้ เราก็ต้องอ่าน อ่านเยอะๆ ยิ่งจำไม่ได้ยิ่งต้องอ่าน

2.อดทน : อดทนต่อสิ่งยั่วยุ เช่น social, ละคร, ซีรี่ย์ ยิ่งตอนจะสอบนี้ปิดสัญญาณเน็ตไปเลย พออ่านได้ตามเป้าแล้วค่อยเล่น มันจะฟินนะถ้าเราทำตามเป้าเราได้

3.อธิษฐาน : บางวิชาทำข้อ 1 และ 2 อาจไม่ได้ผล เราก็คงต้องอธิษฐานเอา (หัวเราะ) เราชาวพุทธ  สวดชินบัญชรวนไปเลยจ้า เป็นเหมือนการดึงสติกลับมาด้วย

แต่ถ้ามีเวลาว่างจะชอบดูซีรี่ย์ ทั้งเกาหลีและฝรั่งเลย คือเราเรียนเครียดแล้ว ต้องหาอะไรผ่อนคลายบ้าง ไม่งั้นผมร่วงหมดหัวแน่

แอปไหนที่ชูชีพเบลได้ดีสุดๆ

ชอบใช้แอป Netter’s Anatomy atlas เป็นแอปสำหรับ iPad  เหมาะกับคนที่เรียนวิชา Gross Anatomy

แอปนี้จะรวบรวมเอาเนื้อหาในหนังสือ Netter ทั้งรูปและเนื้อหามาอยู่ในแอปเดียว คือมันสะดวกมากในการหาข้อมูล มีทั้งแบ่งแบบ Region และ System และที่สำคัญคือมันจะมี Quiz ให้ลองทดสอบเล่นด้วย คุ้มมาก ตอนเรียนใช้บ่อยมาก

ดาวน์โหลด

ถือเป็นสาขาวิชาที่คนภายนอกมองแล้วอาจตกใจนิดหน่อย แต่พอฟังเบลเล่ามาถึงตอนนี้ ทำให้รู้ว่า ถ้าได้ทำความรู้จักสาขาวิชานี้จริงๆ แล้วหล่ะก็ ต้องแอบรู้สึกสนุกกับสาขานี้แน่ๆ.. แต่ถามว่าเรียนมั้ย.. ปาดเหงื่อดีกว่า

เอาเป็นว่าพวกเราชาวแบไต๋ขอเป็นกำลังใจให้ว่าที่อาจารย์เบลในอนาคตแล้วกันเนอะ เชื่อว่าอาจารย์เบลต้องเป็นอาจารย์คุณภาพ ที่สอนสนุก และสร้างความรู้ต่างๆ ให้สังคมไทยแน่ๆ