“คณะสังคมสงเคราะห์” ชื่อคณะที่แสนจะดูดีและมีภาพลักษณ์ที่น่าประทับใจในสายตาของใครหลายๆ คน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในคณะที่หลายๆ คนมักจะฉงนสงสัยว่า นักศึกษาคณะนี้เค้าเรียนเกี่ยวกับอะไรกัน มีกิจกรรมอะไรบ้าง และสังคมในคณะจะเป็นอย่างไร..
วันนี้แบไต๋ก็เลยรีบคว้าตัวสาวสวย คณะสังคมสงเคราะห์มาพูดคุยกับเรา เพื่อจะได้ล้วงลึกกันไปเลย ว่าชื่อคณะที่แสนจะน่าสนใจนี้ จริงๆ แล้วเค้าเรียนอะไรกันบ้าง และชีวิตความเป็นอยู่ของหนุ่มสาวคณะนี้เป็นยังไง เอาหล่ะ ไปพูดคุยกับ อิ่ม- สุชานันท์ ฟังเสนาะ สาวคณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กันเลย!
จุดเริ่มต้นของการเป็นสาวคณะสังคมสงเคราะห์..
เมื่อก่อนตอนเพื่อนในห้องแห่กันไปสอบตรงคณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ติวเข้าเรียนคณะนี้กัน เราเป็นคนนึงที่ไม่ได้เคยคิดอยากจะเข้าเลย งงด้วยซ้ำว่าคณะอะไรเนี่ย ไม่เคยรู้เลย (หัวเราะ)
ด้วยความที่เราเรียนศิลป์อังกฤษ – จีนมา ใจก็ลังเลว่าจะไปเรียนทางคณะภาษาไหนดี ในหัวตอนนั้นคิดแต่จะเข้าคณะภาษา แต่ก็ไม่อยากเรียนไกลบ้าน จนมาเจอแม่เพื่อนคนนึง ท่านเป็นคนที่เปรี้ยวเท่มาก ท่านเป็นแอร์โฮสเตสสายการบินไทย ท่านใจดีมาก เรื่องบริการเทคแคร์แขกที่เข้ามาบ้านคือเป็นเลิศ เราถึงได้รู้จากเพื่อนว่า แม่เพื่อนเนี่ย จบคณะสังคมสงเคราะห์ ธรรมศาสตร์นั่นเอง เราถึง เห้ยยน่าสนใจ คณะนี้นี่เป็นยังไงกันน้า ทำไมจบมาก็เป็นแอร์โฮสเตสได้ และท่านก็บอกว่า เชื่อแม่สิ ภาษาเราไปเรียนพิเศษเพิ่มเติมต่อยอดเอาเองข้างนอกได้ แต่วิชาคณะสังคมสงเคราะห์มันเป็นความรู้เฉพาะทาง มีแค่ที่คณะที่เดียว ตอนนั้นเลยรู้สึกว่าเออจริงด้วย ภาษาเราไปเรียนเพิ่มที่ไหนก็ได้ และวิชาทักษะการเรียนคณะนี้ก็ดูน่าสนใจ เลยตัดสินใจเลือกคณะนี้ค่ะ แล้วก็ติด (ยิ้ม)
พอเข้าไปเรียนแล้ว ถึงได้รู้ว่าคณะนี้ทำให้เราได้เปิดโลกกว้าง มีความคิดและทัศนคติที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น ยิ่งเรียนยิ่งทำให้เข้าใจมนุษย์มากยิ่งขึ้น ซึ่งมันสามารถนำเอามาใช้ในชีวิตจริงได้จริงๆ
คณะสังคมสงเคราะห์ เรียนอะไรบ้าง
ตามชื่อคณะเลยค่ะ เราเรียนเกี่ยวกับการสงเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และช่วยเหลือสังคม พัฒนาสังคมเป็นหลัก
โดยปี1 เรียนทำความเข้าใจความคิดและพฤติกรรมของมนุษย์แต่ละช่วงวัย จะเริ่มตั้งแต่วัยทารกถึงวัยชราเลยค่ะ ว่าวัยนี้ถึงวัยนี้จะมีความคิดและพฤติกรรมยังไง วัยเด็กร้องไห้ต้องการอะไร วัยรุ่นทำไมถึงต้องการเป็นจุดสนใจ วัยผู้ใหญ่ทำไมถึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น วัยชราทำไมถึงเป็นวัยที่น้อยใจง่าย ซึ่งทุกอย่างล้วนมีสาเหตุ เป็นไปตามวัยและสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เรียนเจาะลึกจะทำให้เราเข้าใจทุกคนมากขึ้น ไม่ตัดสินผู้อื่นแค่จากการกระทำ คำพูด หรือความคิดของพวกเขาค่ะ
พอปี2 วิชาคณะก็จะเริ่มเข้มข้นมากแล้วค่ะ
จะเรียนเน้นไปทางจรรยาบรรณวิชาชีพ เรียนวิธีการพูดคุยกับผู้ที่ประสบปัญหาชีวิต เรียนรู้การรับมือกับเด็ก เรียนการให้กำลังใจ เป็นที่ปรึกษาผู้อื่น ไม่ตัดสินผู้อื่น จากการกระทำหรือรูปร่างหน้าตาของนักโทษผู้ต้องขัง หรือผู้ที่กระทำความผิด และเราก็จะเริ่มลงชุมชน ลงพื้นที่เข้าหาผู้ใช้บริการที่ประสบปัญหาชีวิต ไปรับฟังปัญหาพวกเขาถึงที่ พร้อมทั้งหาสาเหตุและนำเอามาวิเคราะห์ เพื่อที่จะให้คำปรึกษาให้ชีวิตของพวกเขาได้มีทางเลือกที่ดีขึ้น และลงพื้นที่ ดูสถานเรือนจำ สถานพินิจ มูลนิธิต่างๆ ดูการทำงานของนักสังคมสงเคราะห์ ว่าพวกเขาปฏิบัติงานมีหน้าที่ทำอะไรกันบ้าง ส่วนปีอื่นๆ ที่อิ่มยังไม่ได้เรียน ก็คิดว่าน่าจะสนุกไม่แพ้กันค่ะ (ยิ้ม)
วิชาไหน ถูกใจอิ่มที่สุด
อิ่มชอบวิชาจรรณยาบรรณวิชาชีพและคุณค่าความเป็นมนุษย์ค่ะ เป็นวิชาที่ทำให้อิ่มหูตาสว่างเปิดใจเข้าใจทุกคนมากขึ้น เป็นวิชาที่คิดแต่ในแง่ดี ความคิดสวยสุดๆ ค้นหาข้อดีของแต่ละคน ไม่ตัดสินผู้อื่นแค่ที่รูปร่างหน้าตา เพศ การกระทำ คำพูด หรือความคิดของพวกเขา
เล่าเรื่องที่คณะให้ฟังหน่อยสิ
สังคมคณะสังคมสงเคราะห์อิ่มว่าดีนะคะ อิ่มเจอแต่เพื่อนดีๆ เพื่อนที่รักและเป็นห่วงเราในทุกเรื่องในรั้วมหาลัย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเรียน เรื่องการใช้เงิน การหาเงิน การคบเพื่อน เพื่อนเห็นเราซื่อๆ ใจดีมากเกินไป เขาก็เป็นห่วงเรา กลัวเราโดนเพื่อนใหม่หลอกเกาะหวังผลประโยชน์ เพื่อนสนิทบางคนถึงขั้นวางแผนตารางเรียน วางแผนอนาคตให้อิ่มเลย (หัวเราะ) ทุกครั้งเวลาอิ่มมีปัญหาเรื่องเรียน ก็เพื่อนนี่แหละค่ะ ที่ทุ่มเทติวให้กับอิ่มเป็นจริงเป็นจังมาก สอบผ่านไปได้ในแต่ละครั้งต้องขอบคุณเพื่อนจริงๆ ที่ไม่เคยทิ้งกัน ตอนสอบไม่เคยมีคำว่าตัวใครตัวมันเลย มีแต่รวมตัวช่วยกันอ่านหนังสือติวให้กันทำให้อิ่มรู้ว่า เพื่อนที่มีอยู่ทุกวันนี้คือเพื่อนที่ดีที่สุดแล้ว สิ่งที่ต้องทำทุกวันนี้คือ รักษาเพื่อนให้ดีที่สุด ดีกับเพื่อนให้มากๆ เลือกคบเพื่อนให้เป็น และมีเพื่อนใหม่ อย่าทิ้งเพื่อนเก่าเด็ดขาดค่ะ
เห็นบอกว่าคณะสังคมสงเคราะห์ทำให้อิ่มกลายเป็นคนรักเด็กไปแล้ว
ใช่ค่ะ (หัวเราะ) อย่างเมื่อก่อน อิ่มเป็นคนไม่ชอบเด็กมากๆ เลย มีความหลังกับเด็กดื้อเยอะมาก ทำให้เราไม่อยากยุ่งสุงสิงกับเด็ก แต่พอขึ้นมหาลัย คณะได้เน้นสอนเกี่ยวกับความคิดและพฤติกรรมมนุษย์ในแต่ละช่วงวัย และคุณค่าของความเป็นมนุษย์ในตัวทุกคน ตั้งแต่เด็กทารกแรกเกิด ยันวัยชรา อิ่มรู้สึกอินและสนุกที่ได้เรียน เหมือนได้เปิดหูเปิดตาเปิดใจรับรู้เข้าใจกับความต้องการของมนุษย์มากขึ้น ตั้งแต่นั้นมาอิ่มเปลี่ยนกลายเป็นคนละคนเลย
ตอนแรกเราก็ไม่รู้ตัวเองหรอก จนหลังๆ ในหัวคิดแต่ว่า อยากเล่นกับเด็กจัง อยากเป็นพี่เลี้ยงเด็กจัง จึงทำให้อิ่มเริ่มหากิจกรรมที่อยู่แต่กับเด็กเล็ก เช่นการเป็นพี่เลี้ยงค่ายเด็กประถม การเป็นติวเตอร์สอนเด็กอนุบาล-ประถม การทำอาสาสมัครตามโรงเรียนเพื่อจะได้เล่นกับน้องๆ
เพราะเรามองเห็นความน่ารักในตัวเด็ก เราค้นพบความใสซื่อจริงใจและตลกเป็นธรรมชาติของเด็กๆ เลยทำให้อิ่มมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำกิจกรรมกับเด็กๆ จนได้ยินหลายคนทักว่า เอออิ่มนี่รักเด็กเนาะ เราถึงมาเริ่มรู้ตัวเองว่า แต่ก่อนชั้นก็ไม่ได้บ้าเด็กมากขนาดนี้นะ แต่วันนี้กลายเป็นเห็นเด็กตัวเล็กๆ วิ่งไปมาแล้วมีความสุข
แบบนี้อิ่มต้องแนะนำเทคนิคการเลี้ยงลูกดีๆ บ้างแล้วหล่ะ
อิ่มเข้าใจว่าปัจจุบันหลายคนอาจมองว่า “ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน” เหมือนประโยคนี้จะทำให้ใครหลายคนกลายเป็นมีอคติกับเด็ก และไม่อยากยุ่งกับเด็กไปเลย อิ่มคิดว่าเด็กๆ เป็นไปตามวัย และขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของสังคมของเด็กและการอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูของครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะหล่อหลอมเด็กคนนึงให้มีพฤติกรรม นิสัย และความคิดยังไง สำหรับอิ่มเด็กตัวเล็กวัยแค่นี้ไม่ผิดหรอกค่ะ ผิดที่ผู้ปกครองล้วนๆ
เด็กดื้อมี 2 ประเภท
ดื้อแบบที่ 1 คือดื้อไปตามวัย พอโตมาก็ไม่ดื้อแล้ว เพราะได้รับการสั่งสอนจากผู้ปกครอง ซึ่งเราอาจพบเจอได้เยอะมาก เด็กผู้ชายที่ตอนเล็กๆ ดื้อซนใช้กำลังเถียงไม่หยุด พอโตมานิ่งเงียบเรียบร้อย เด็กผู้หญิงที่ตอนเล็กๆ เอาแต่ใจพูดมากกรี้ดกร้าดเวลาไม่ได้ดั่งใจ พอโตมาเขินขี้อายไม่กล้าแสดงออก
กับดื้อแบบที่ 2 ดื้อเพราะการเลี้ยงดูตามใจของผู้ปกครอง
ตอนเด็กๆ ดื้อยังไง โตมาก็ยังดื้อแบบนั้น นิสัยไม่เคยเปลี่ยน เหมือนเด็กวัยรุ่นทำตัวไม่ดีอย่างที่เราเห็นกันในข่าว อันนั้นเป็นการละเลยความไม่ใส่ใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนของผู้ปกครองค่ะ อยากเปลี่ยนจากคำว่า “ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน” กลายเป็น “ลูกคุณแม่น่ารัก ถ้าคุณแม่รู้จักวิธีการรับมือกับลูกตัวเอง” บ่อยครั้งที่เวลาเห็นเด็กดื้อซนรบกวนคนรอบข้างจนเดือดร้อน แต่ผู้ปกครองปล่อยให้เด็กทำแบบนั้นต่อไป ไม่มีการเข้าไปห้ามปรามสั่งให้หยุดหรือสั่งสอนเด็กใน ณ ขณะนั้น แน่นอนค่ะว่าโตมา เด็กมีสิทธิ์จะเป็นเด็กดื้อประเภทที่สอง คือเด็กจะทำตัวทำนิสัยแบบนี้ไปตลอดติดไปจนโต และใช้ข้ออ้างคำว่า ก็แค่เด็ก เป็นไปตามวัย ไม่ได้ค่ะ นั่นแปลว่าคุณรับมือกับลูกตัวเองไม่ได้ ไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นแม่คนค่ะ
และอยากบอกกับใครหลายคนที่เคยเจอเด็กดื้อและผู้ปกครองเด็กแบบนั้น เลยทำให้หวาดกลัวเด็ก ไม่อยากยุ่งเข้าใกล้กับเด็กอีกต่อไป อยากให้รู้ว่า “เด็กทุกคน ไม่ใช่คนเดียวกัน” ค่ะ ไม่อยากให้เจอเด็กคนเดียว แล้วเหมารวมว่าเด็กทุกคนจะต้องดื้อ และมีนิสัยเหมือนกัน ยังมีเด็กน่ารักๆอยู่บนโลกนี้รอเราเข้าไปเล่นทักทายอยู่ค่ะ
อิ่มเป็นอีกคนที่ชอบงานอาสาสมัคร เล่าให้ฟังหน่อย
อิ่มเป็นคนที่เอ็นจอยกับการได้มีเพื่อนใหม่มาก เป็นคนชอบทำกิจกรรมที่ได้พบเจอเพื่อนใหม่ และการได้ทำงานอาสาสมัคร มันทำให้เราได้เปิดโลกกว้าง เปิดหูเปิดตาในพื้นที่ใหม่ๆ กับคนใหม่ๆ เป็นอะไรที่สนุกตื่นเต้นท้าทายดี
กิจกรรมอาสาสมัครที่อิ่มเคยทำส่วนใหญ่ ก็จะเป็นพวก ก่อสร้าง ทาสี ทำความสะอาด เก็บขยะ พัฒนาชุมชน ทำกิจกรรมเล่นกับน้องๆ พัฒนาเยาวชน เป็นอาสาสมัครไกด์พาเที่ยวก็เคยเป็น (หัวเราะ) ทำแล้วค้นพบว่าตัวเองมีความสุขยิ้มได้กว้างหัวเราะได้มากขึ้น เลยทำต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ
ค่ายที่ประทับใจที่สุด คือค่าย YMCA youth work camp ที่เชียงใหม่ค่ะ เป็นค่ายนานาชาติที่รวมหลายชาติมาร่วมกันอาสาสมัคร และค่ายนี้ไม่ใช่แค่การเป็นอาสาสมัครใช้แรงงานอย่างเดียว แต่เป็นกึ่งอาสาสมัครไกด์พาเพื่อนต่างชาติเที่ยวด้วย ไม่ว่าจะเป็นพาเที่ยวทั่วเชียงใหม่ เช่น สวนสัตว์เชียงใหม่ ถนนคนเดิน ดอยสุเทพ พิพิธภัณฑ์และวัดต่างๆ
และทำกิจกรรมเล่นเกมเอนเตอร์เทนเพื่อนต่างชาติในค่าย สอนทำขนมไทยและพากันกิน สอนทำพัดไทยเอาไว้ใช้ และที่สนุกก็คือ ในค่ายเราก็จะคิดการประกวดโชว์ของแต่ละประเทศ ฝึกซ้อมกันทุกคืนเหมือนเตรียมเข้าค่ายก่อกองไฟ แต่แค่ไม่มีไฟ (หัวเราะ) และมีโชว์การแสดงของแต่ละชาติมาโชว์ ในคืนนั้นมีทั้งการแสดงของกลุ่มเกาหลี ญี่ปุ่น เมียนมาร์ ลาว ไทย มาโชว์ความสามารถการแสดงของแต่ละชาติกัน สนุกมากค่ะ
เราอยู่เที่ยวทำกิจกรรมที่เชียงใหม่เสร็จ เราก็เริ่มทำอาสาสมัครก่อสร้างจริงจังละ คราวนี้นั่งรถตู้จากเชียงใหม่ไปที่จังหวัดลำพูนค่ะ เราไปสร้างห้องสมุดให้น้องที่รร. จังหวัดลำพูน โรงเรียนนี้ไม่มีห้องสมุดค่ะ คือเราเริ่มตั้งแต่ปูประเบื้องทำพื้นให้เลย และแบ่งหน้าที่กันไปทาสีโต๊ะโรงเรียน แบ่งกลุ่มกันไปทำกิจกรรมเล่นกับน้องๆ ในโรงเรียน
นอนบ้านโฮสต์ ก็จะสุ่มว่าใครได้นอนบ้านใคร วัดดวงมาก ว่าบ้านใครได้บ้านแบบไหน เพราะอากาศเย็นๆ บ้านใครอยู่ใกล้โรงเรียนสุด เพราะทุกวันเราต้องตื่นมาให้ทันเข้าแถวโรงเรียนหน้าเสาธงพร้อมกับน้องๆ ค่ะ และกฎมีอยู่ว่า ห้ามให้โฮสต์ขับรถมาส่งเด็ดขาด ต้องเดินมาเอง ซึ่งอิ่มก็จะแกมโกงหน่อยเวลาเห็นน้องผู้ชายที่เราจำหน้าได้ว่าเคยเล่นด้วยปั่นจักรยานผ่านมา เราก็จะโบกขอติดซ้อนท้ายน้องไปด้วย (หัวเราะ) เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่สนุกมากค่ะ
ที่สำคัญการทำงานพวกนี้ นอกจากประสบการณ์การทำงาน การพบเจอความลำบาก การฝึกความอดทนแล้ว สำหรับอิ่มที่คุ้มค่ามากที่สุดคือ การได้เพื่อนสนิทใหม่ค่ะ เพื่อนที่ดี เพื่อนที่สไตล์เดียวกัน ลุยไปกับเรา ทุกวันนี้เราก็ยังสนิทติดต่อคุยแชทอัพเดตชีวิตเรื่องราวให้กันตลอด ถ้าเพื่อนต่างชาติที่สนิทกัน เขาจะบินมาเยี่ยมมาเที่ยวกับอิ่มปีละสองครั้งเลยค่ะ น่ารักมาก การได้พบเจอคนดีๆ เพื่อนดีๆ เป็นของขวัญล้ำค่าที่สุดจากการไปค่ายค่ะ
จัดสรรเวลากับกิจกรรมและการเรียนต่างๆ ยังไงบ้าง
อยู่มหาวิทยาลัยการบ้านจะเพิ่มขึ้นมาทุกวัน ต้องรีบจัดลำดับเวลาก่อนส่งงาน และเคลียร์งานให้เสร็จก่อนไปค่ายค่ะ และจดปฏิทินกำหนดเวลาอ่านหนังสือก่อนสอบไม่ให้ประชั้นชิดกับเวลาทำกิจกรรมมากเกินไปค่ะ
แอปไหน ที่ทำให้ชีวิตดีสุดๆ
คงจะเป็นแอป Wongnai ค่ะ (หัวเราะ) เพราะคณะเราลงชุมชนบ่อยมาก จำเป็นต้องว่าระหว่างทางมีร้านของกินอะไรละแวกแถวนั้นบ้าง เพื่อไม่ให้อดตายข้างทางเวลาลงชุมชนทางไกลต่างจังหวัดค่ะ ชอบที่ทำให้เราเห็นร้านค้า ร้านอาหารใกล้ตัว เส้นทางการไปยังร้านได้สะดวกค่ะ
ดาวน์โหลด
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนต้องร้องว้าววว ดังๆ ให้กับสาวน้อยมหัศจรรย์ของเราวันนี้แน่ๆ เพราะนอกจากเธอจะมีทัศนคติดีๆ ต่อการใช้ชีวิตและสังคมแล้ว คณะที่เธอเรียนและกิจกรรมที่เธอทำ ก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนครั้งหน้าแบไต๋จะพาคุณไปรู้จักกับหนุ่มสาวที่น่าสนใจคณะอะไร ก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ