ต้องยอมรับว่า Huawei เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มาแรงในไทยมากนะครับ เป็นไม่กี่แบรนด์ในไทยที่มีผลิตภัณฑ์ครบไลน์ตั้งแต่มือถือราคาประหยัดมากๆ จนสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เว็บแบไต๋จึงรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้พูดคุยกับ มร.บรูซ ลี Vice President, Handset Business, Huawei Consumer Business Group เกี่ยวกับเทคโนโลยีของหัวเว่ยตอนนี้ และอนาคตของผลิตภัณฑ์จากหัวเว่ยครับ
ถามเชิงเทคนิคก่อนเลยครับ ทำไมสมาร์ทโฟนที่ใช้ USB-C ของหัวเว่ยถึงไม่รองรับมาตรฐานการชาร์จกลางอย่าง USB-PD
เรื่องนี้คุณลีให้รายละเอียดเชิงเทคนิคว่า อันที่จริงสมาร์ทโฟนของเรานั้นรองรับมาตรฐาน USB-PD ตั้งแต่ Huawei Mate 9 แล้ว ถ้าเสียบอแดปเตอร์ USB-PD กับ Mate 9 ขึ้นไปก็จะดึงกระแสไฟที่มากขึ้นได้ เพียงแต่ว่าหัวชาร์จแบบ SuperCharge ที่เราแถมกับมือถือนั้นไม่รองรับการทำงานแบบ USB-PD เท่านั้นเอง (สรุปตัวมือถือรองรับ PD แต่หัวชาร์จไม่รองรับ)
แล้วทำไมไม่รองรับ USB-PD ในหัวชาร์จ เพราะเรายังต้องการให้หัวชาร์จเรายังเป็นพอร์ต USB-A หรือช่องเสียบ USB สี่เหลี่ยมแบนๆ อันใหญ่ที่ยังแพร่หลายในปัจจุบันอยู่ เรามองว่าลูกค้าส่วนใหญ่น่าจะต้องการพอร์ต USB-A ไปหาสมาร์ทโฟนที่เป็น USB-C มากกว่า ทำให้เราใช้มาตรฐาน PD ไม่ได้ เพราะมาตรฐาน PD กำหนดให้ทั้งหัวชาร์จและตัวอุปกรณ์ต้องใช้พอร์ต USB-C ทั้งคู่ เพื่อส่งสัญญาณคุยกันว่าจะเอากระแสระดับไหน แล้วจึงสามารถจ่ายกระแสแบบ PD ได้ แต่สำหรับอุปกรณ์ขนาดใหญ่อย่าง โน้ตบุ๊ก Matebook นั้น เราใช้ USB-PD เป็นมาตรฐานแล้ว
สงสัยมารวมกันตรงนี้ USB-PD คืออะไร
USB-PD หรือ USB Power Delivery เป็นมาตรฐานชาร์จไฟของสาย USB-C สามารถจ่ายไฟได้แตกต่างกันได้หลายความต่างศักษ์ (Volt) เช่นจ่าย 5V, 9V, 15V, 20V แล้วแต่ว่าอุปกรณ์ออกแบบมาให้ดึงกระแสระดับไหน โดยสามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 100 Watt ผ่านสาย USB-C เส้นเดียว ปัจจุบันใช้จ่ายกระแสให้อุปกรณ์หลากหลายอย่าง สมาร์ทโฟน, MacBook หรือ Nintendo Switch
เรารีวิวมือถือมาเยอะ และก็มักพบว่าชิป Kirin ให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ต่ำกว่าชิประดับเดียวกันของคู่แข่ง ตอนนี้ Huawei ทำงานร่วมกับนักพัฒนาเกมเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
คุณลีเล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านมาเราพยายามปรับปรุงประสิทธิภาพเรื่อง GPU ในชิป Kirin มาตลอด ซึ่งให้ประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกรุ่น และแน่นอน เราก็ทำงานร่วมกับบริษัทพัฒนาเกมหลายค่ายเช่น Epic ที่ทำ Unreal Engine รวมถึงค่าย Unity และ Tencent ที่เป็นบริษัทแม่ของเกม ROV ยอดนิยมในไทยด้วย เพื่อปรับแต่งเอนจินของเกมให้เข้ากับชิป Kirin มากขึ้น ซึ่งก็คาดหวังได้ว่าประสิทธิภาพน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ
ปีนี้กลายเป็นว่า Huawei P20 Pro กลายเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงสูงสุดของหัวเว่ยแทน Huawei Mate 10 Pro แล้ว Mate ตัวต่อไปจะเป็นอย่างไร
ก่อนอื่นเราอยากอธิบายความแตกต่างของสมาร์ทโฟนในตระกูล P กับ Mate ก่อน ซึ่งทั้ง 2 ตระกูลนี้เป็นกลุ่มเรือธงของหัวเว่ยทั้งคู่ แต่โฟกัสในจุดที่แตกต่างกัน
- Huawei P Series จะเน้นเรื่องแฟชั่นมาตลอด เป็นสมาร์ทโฟนเน้นดีไซน์และสีสันของตัวเครื่อง พร้อมชูจุดเด่นเรื่องกล้องที่พัฒนาขึ้นทุกรุ่น
- Huawei Mate Series เป็นสุดยอดสมาร์ทโฟนที่ใส่เทคโนโลยีล่าสุดของหัวเว่ยเสมอ เพื่อให้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด คือยกเทคโนโลยีตัวท็อปทั้งคลังแสงของหัวเว่ยมาติดตั้งในตระกูลนี้
แน่นอนว่า Mate ตัวใหม่ที่จะออกช่วงปลายปีนี้ จะมาพร้อมกับชิป Kirin ตัวล่าสุด ซึ่งเรามั่นใจว่าจะดีที่สุดในตลาด และให้ประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ให้อายุแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น และจะเน้นที่ระบบอัจฉริยะให้มากขึ้น สามารถจัดการสารพัดเรื่องให้อัตโนมัติ ซึ่งเราคาดหวังให้เป็น Best Performer ในครึ่งปีหลัง
ซึ่งหัวเว่ยมองว่าเทรนด์ของสมาร์ทโฟนรุ่นต่อๆ ไปสำหรับเราคือ กล้องต้องดี แบตเตอรี่ต้องอยู่ได้นาน แล้วก็ต้องมี AI อยู่ในเครื่อง
แล้ว Huawei Mate 10 Pro จะได้รับอัปเดทให้กล้องเก่งขึ้นแบบ Huawei P20 หรือไม่
ตอนนี้เราบอกได้แค่จะได้อัปเดทเฟิร์มแวร์ให้มีความสามารถแบบ P20 แน่ๆ เพราะทั้ง 2 รุ่นใช้ชิป Kirin 970 ตัวเดียวกัน มี NPU เพื่อช่วยประมวลผลแบบสมองมนุษย์เหมือนกัน แต่ยังไม่มีกำหนดชัดเจนว่าจะได้อัปเดทในไทยเมื่อไหร่
ในขณะที่โลกนี้กำลังมุ่งสู่ AI ทางหัวเว่ยก็มีเทคโนโลยี AI เป็นของตัวเอง ค่ายอื่นๆ อย่าง Qualcomm หรือ Google ก็มี แล้วหัวเว่ยมีแผนอย่างไรให้ AI ของตัวเองสามารถใช้กับค่ายอื่นๆ ได้
คุณลีมองว่า เรื่อง AI หรือปัญญาประดิษฐ์เป็นเรื่องสำคัญกับทุกค่ายตอนนี้ เพราะทุกค่ายอย่าง Facebook, Amazon, Google หรือ Apple ก็พยายามทำให้มีมาตรฐานกลางร่วมกันอยู่ ซึ่งหัวเว่ยก็ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เหล่านี้เพื่อให้มั่นใจว่าเทคโนโลยี AI ของเราสามารถทำงานร่วมกันกับเทคโนโลยีกลางอื่นๆ ได้
แต่คุณลีมั่นใจว่า AI ของ Huawei มีประสิทธิภาพมากเพราะในชิป Kirin 970 มีส่วนประมวลผลแบบเครือข่ายประสาทหรือ NPU โดยเฉพาะ มีการทดสอบการแยกแยะภาพว่าเป็นภาพอะไร ซึ่ง Mate 10 Pro ที่ใช้ชิป Kirin 970 นั้นทำงานได้เร็วกว่าคู่แข่งมาก และใน Kirin รุ่นต่อไปก็จะมีการทำงานที่เร็วกว่านี้อีก
หัวเว่ยมองว่า AI จะใช้ทำอะไรได้ในอนาคต
ประโยชน์ของการใส่ปัญญาประดิษฐ์เข้าไปในสมาร์ทโฟน เราเห็นได้ชัดจากทั้ง Huawei Mate 10 และ Huawei P20 ที่ AI ช่วยให้ผู้ใช้ธรรมดากลายเป็นช่างภาพมือโปรได้ ด้วยการวิเคราะห์และปรับแต่งภาพของ AI แถมยังแนะนำการจัดองค์ประกอบภาพได้อีก
ส่วนเรื่อง Machine Learning น่าจะพัฒนาได้อีกเยอะ จากข้อมูล big data ที่ได้รับ เมื่อผสานกันจะทำให้ทำงานในแบบคาดเดาได้ดีขึ้น และมีประสิทธิภาพในการทำงานกับแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น ซึ่งหลายแบรนด์ในตลาดพูดถึง AI มากขึ้น แต่เราก็ยังเชื่อว่าเราจะนำเสนอเรื่อง AI ได้ดีที่สุด
Huawei เตรียมอุปกรณ์รองรับเครือข่าย 5G ไว้ขนาดไหนแล้ว
เรายังบอกชัดเจนไม่ได้ว่าอุปกรณ์ 5G จะลงตลาดได้เมื่อไหร่ แต่เมื่อมันมาถึง เรามั่นใจว่า หัวเว่ยจะเป็นเจ้าแรกๆ ที่ส่งอุปกรณ์ 5G ลงตลาด อย่าง Mate series เป็นสมาร์ทโฟนที่โชว์ประสิทธิภาพเรื่องเครือข่ายเสมอ ซึ่งเมื่อตอนที่ Huawei Mate 10 Pro ลงตลาดก็เป็นอุปกรณ์รุ่นแรกๆ ที่รองรับเครือข่าย 4.5G ทำความเร็วได้สูงสุด 1.2 Gbps
ซึ่งเรามั่นใจว่าอุปกรณ์ของ huawei รองรับเครือข่ายได้ดีมากอยู่แล้ว อย่าง P10 Plus มีเสาอากาศแบบ 4×4 MIMO วาง 4 ด้านเพื่อให้รับสัญญาณได้ดี
อ่านเพิ่มเติม : Huawei ร่วมมือกับ AIS พัฒนาแอป Next G ให้ใช้เครือข่าย 1 Gbps บนสมาร์ทโฟนหัวเว่ยได้
พูดถึงตลาดสมาร์ทโฟนในไทย สำหรับหัวเว่ยเป็นอย่างไรบ้าง
ตั้งแต่ต้นปีเราทำได้ค่อนข้างดี ข้อมูลจาก GPK ระบุหัวเว่ยเป็นแบรนด์อันดับ 2 ในตลาดไทย ส่วนแบ่งการตลาดน่าจะใกล้แตะ 20% ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังเราก็ยังมีสินค้าใหม่อีกหลายตัว ที่พอจะเผยได้ในไตรมาส 3 จะมี Nova รุ่นใหม่ และไตรมาส 4 ก็เป็น Mate ตัวใหม่ และกำลังจะมีการประกวดภาพถ่าย Huawei next image เริ่มต้นวันที่ 13 มิถุนายนนี้
แต่ถ้าถามว่าผู้ซื้อสมาร์ทโฟนดูปัจจัยอะไรบ้าง เรื่องนี้ตอบได้ลำบากเพราะมีความต้องการต่างกันมากๆ หัวเว่ยเลยมีมือถือครบไลน์ตั้งแต่ถูกยันแพงเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน และสมาร์ทโฟนของ Huawei ไม่ได้เน้นแต่การถ่ายภาพอย่างเดียว แต่เรื่องชิปเซ็ต เรื่องแบต เรื่องเสียง เรื่องการออกแบบ ทุกๆ อย่างในเครื่องเราก็เน้นให้ดีที่สุด
แนวทางในอนาคต หัวเว่ยมุ่งไปที่ Cloud Service, ความสุนทรีย์ในการออกแบบ, เครือข่ายในอนาคาร, พลังงานใหม่, Big data, Iot, AI, AR/VR, Algorithms โดยทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่าง Google, Leica, ARM, Microsoft, Omron, Porsche Design, Audi