เพิ่งเปิดเทอมกันไปสักพัก หนุ่มสาววัยมหาวิทยาลัยคงหน้าชื่นตาบาน มีความสุขต้อนรับเทอมแรกกันเรียบร้อย แต่น้องๆ เฟรชชี่หลายคนอาจยังรู้สึกตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยกันอยู่ รวมถึงยังปรับตัวไม่ค่อยได้ เพราะแผนการเรียนเอย ชั่วโมงการเรียนเอย เพื่อนใหม่เอย ได้เปลี่ยนไปหมดทุกอย่าง.. วันนี้แบไต๋ก็รีบจับสาวเฟรชชี่มานั่งพูดคุยด้วยว่ายินดียินร้ายกับขีวิตเฟรชชี่ยังไงบ้าง เอาล่ะ! ชักช้าอยู่ใยเดี๋ยววันนี้เราไปคุยกับ แสตมป์ – มนชิดา ลิขิตปถัมภ์ เฟรชชี่คณะวิทยาศาสตร์ หลักสูตรชีวการแพทย์ นานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล กันเลย!
เป็นมายังไง ทำไมกลายเป็นสาววิทยาได้
ที่แตมเลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ชีวการแพทย์หลักสูตรนานาชาติ เพราะแตมชอบเรียนวิชาชีวะ ชอบศึกษา Anatomy และสนใจด้านสุขภาพค่ะ ซึ่งสาขาชีวการแพทย์ก็ตอบโจทย์ความสนใจของแตมมาก เพราะเราได้เรียนพื้นฐานทั้งหมด พูดง่ายๆ ก็เรียนวิชาพื้นฐานของแพทย์ แต่ว่าไม่ได้เจาะลึกค่ะ
เล่าวันประกาศผลการสอบเข้าให้ฟังหน่อยสิ
ตอนประกาศผลรอบ 3 มหิดลประกาศเกือบท้ายๆ เลยค่ะ ตอนนั้นแตมลุ้นมาก (หัวเราะ) แตมอยู่ที่กระบี่กับเพื่อนๆ ค่ะ วันนั้นตอนเช้ากำลังจะออกไปดำน้ำกัน มหิดลประกาศตอน 9 โมง แตมรอตั้งแต่ 7 โมง พอเห็นชื่อเราในประกาศของมหาวิทยาลัย มือสั่นไปหมดเลย ทั้งรู้สึกดีใจแล้วก็โล่งใจ เหมือนความพยายามที่เราอดทนรอมาและตั้งใจมันเห็นผลสักที รีบบอกคุณพ่อคุณแม่ก่อนเป็นอย่างแรก เพราะท่านเป็นกำลังใจและให้การสนับสนุนมาตลอด เรารู้สึกว่าพอเราติดแล้วทำให้ท่านภูมิใจ หายเหนื่อย แค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ
สมมติว่าแสตมป์ไม่ได้เข้าคณะที่ใช่ มหาวิทยาลัยที่ชอบ แตมจะบอกตัวเองว่ายังไง
จริงๆ แล้วแตมอยากเข้าคณะทันตแพทยศาสตร์ค่ะ แต่ว่าไม่ได้ในมหาวิทยาลัยที่แตมหวังไว้ วิธีที่แตมปรับทัศนคติและให้กำลังใจตัวเองคือก่อนเตรียมตัวสอบตลอดจนถึงการสอบ แตมพยายามตั้งใจทำให้เต็มที่ที่สุดค่ะ พอผลออกมาไม่ว่าจะตามที่เราต้องการหรือผิดหวังไปบ้าง แต่เราก็ได้ตั้งใจทำมันออกมาให้ดีที่สุดแล้ว เราก็ยอมรับผลที่ตามมาแล้วไม่รู้สึกเสียใจค่ะ และอีกทางคือเราก็หาคณะสำรองที่เราชอบและสนใจควบคู่ไปด้วย เป็นอีกแนวทางนึงที่เราควรเตรียมตัวเผื่อไว้ค่ะ
สำหรับเพื่อนๆ ที่ผิดหวังกับการเรียนต่อมหาวิทยาลัยครั้งนี้ จะฝากบอกเค้าว่าอะไร
แตมอยากบอกว่า มหาวิทยาลัยเป็นจุดเริ่มต้น และเป็นก้าวสำคัญของชีวิตก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าการที่เราสอบไม่ติดคณะที่เราต้องการ จะทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวในชีวิตค่ะ แตมอยากให้ทุกคนเคารพในความสามารถตัวเอง เห็นค่าในความพยายามที่เราทำ และเป็นกำลังใจให้ไปต่อ ถ้าเรายังชอบ ยังอยากเป็นในสิ่งนั้นๆ จริงๆ เรายังมีโอกาสที่จะทำตามฝันให้เป็นจริงเสมอค่ะ แตมเชื่อว่ามีอีกหลายคนมากๆ ทั้งครอบครัว ทั้งคนใกล้ตัวที่พร้อมจะเป็นกำลังให้เราค่ะ
กลับมาที่สาขาชีวการแพทย์กันบ้าง เค้าเรียนอะไรกันบ้าง
คณะวิทย์ ชีวการแพทย์หรือ Biomed เราเรียน 3 ปีครึ่งค่ะ ปี 1 ก็จะเรียนวิชาพื้นฐานทั่วไปค่ะ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ พอปี 2 ก็จะมีการผ่าอาจารย์ใหญ่ค่ะ ซึ่งเป็นจุดสำคัญของคณะนี้ ที่ได้มีการผ่าอาจารย์ใหญ่และลองลงมือทำจริงๆ แล้วก็เรียนพื้นฐานอื่นๆ เช่น พยาธิวิทยา เภสัชวิทยา ฯลฯ เราจะเน้นเรื่องการวิจัยแล้วก็ทำแลปเป็นส่วนมากค่ะ
มีกฎเคร่งๆ หรือเรื่องพีคๆ ในมหาวิทยาลัยที่รู้สึกเซอไพรส์บ้างมั้ย
จริงๆ แล้วด้วยความเป็นภาคอินเตอร์ กฏระเบียบก็จะไม่เคร่งมากค่ะ ค่อนข้างสบายมากด้วย เรื่องพีคๆ ในมหาวิทยาลัยคงเป็นการเจอตัวเงินตัวทองหรือบุ๋ย ที่เด็กมหิดลชอบเรียกกัน เดินเพ่นพ่านเป็นว่าเล่นในมหิดลเลยค่ะ
ที่มหิดล มีกิจกรรมต้อนรับเฟรชชี่อะไรบ้าง
ที่มหิดลจริงๆ มีกิจกรรมเฟรชชี่ให้ร่วมเยอะมากค่ะ หลักๆ ก็กิจกรรมรักน้องที่เหมือนกิจกรรมรับน้องของมหิดลที่ผ่านมาค่ะ แล้วก็มีกิจกรรมตามชมรม แล้วก็ไฮไลท์เลยคือมหิดล มีคอนเสิร์ตเยอะมากค่ะ มาไม่หวาดไม่ไหวกันเลยทีเดียว
แสตมป์ชอบกิจกรรมไหนบ้าง
กิจกรรมที่แตมชอบมากที่สุดน่าจะเป็นค่ายรับน้องของคณะวิทย์ค่ะ ถึงจะเป็นค่ายที่ไม่ใหญ่มากแต่สนุกและอบอุ่นมากค่ะ ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ทุกสาขา กับรุ่นพี่ปีต่างๆ ได้มิตรภาพและความสนุกกลับไปเยอะแยะเลยค่ะ
เรื่องที่ยากที่สุดสำหรับการเป็นเฟรชชี่คืออะไร
แตมว่าเรื่องยากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องการจัดเวลาต่างๆ ให้ลงตัวค่ะ ทั้งการเรียน และกิจกรรม เพราะว่าไม่มีใครมานั่งบังคับเหมือนตอนเราอยู่มัธยม เรามีอิสระมากขึ้นในแทบทุกด้าน วิธีของแตมก็คือจัดสรรเวลาให้ดีค่ะ วางแพลนไว้ว่า วันนี้ อาทิตย์นี้เราต้องทำอะไรบ้าง เรียนอะไร มีควิซตัวไหน ต้องเตรียมตัวยังไง และก็ที่สำคัญพยายามเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดด้วยค่ะ เพราะชีวิตเฟรชชี่มีครั้งเดียวค่ะ
ระหว่างม.ปลายกับเฟรชชี่ ต่างกันยังไงบ้างสำหรับแสตมป์
อย่างที่แตมบอกว่าต่างกันที่อิสระในการทำสิ่งต่างๆ แล้วก็สังคมค่ะ มหาวิทยาลัยสังคมกว้างขึ้นมากๆ ได้รู้จักเพื่อนเยอะ และมีโอกาสได้ลองทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อนในกิจกรรมต่างๆ ค่ะ
เคล็ดลับในการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนๆ
โชคดีที่แตมค่อนข้างเข้ากับคนง่าย และเพื่อนในมหาวิทยาลัยที่แตมรู้จักก็น่ารักมากๆ ค่ะ ถือว่าเป็นสิ่งที่โชคดี ส่วนวิธีที่แตมปรับตัวก็น่าจะเป็นการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆตลอดเวลาค่ะ แล้วก็ยอมรับความคิดเห็นและความแตกต่างของคนอื่น ทำให้เราอยู่ในสังคมอย่างแฮปปี้
วางแผนการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยไว้ยังไงบ้าง
แตมวางแผนไว้ว่าแตมตั้งใจจะจบตามกำหนด 3 ปีครึ่งค่ะ แล้วก็ระหว่างที่เรียนก็จะเก็บเกี่ยวและค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ ในตัววิชาค่ะ เพื่อเอาไปต่อยอดหลังเรียนจบ
ตั้งแต่เปิดเทอมมา ประทับใจเรื่องไหนในมหาวิทยาลัยบ้าง
เปิดเทอมมา แตมประทับใจความสัมพันธ์ของคณะภาคแตมมาก แตมไม่ได้จะอวยนะ (หัวเราะ) ด้วยความที่เรามีกันไม่เยอะ ทำให้เรารู้จักทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันแบบทั่วถึงจริงๆ มันทำให้เราสนิทกันเร็ว และมีอะไรก็ปรึกษากัน ช่วยเหลือกันจริงๆ เป็นความรู้สึกที่อบอุ่นแล้วก็น่ารักมากค่ะ
แนะนำแอปดีๆ ที่ต้องมีติดเครื่องหน่อยค่ะ
แอปที่แตมชอบใช้คือ แอป Calendars ค่ะ ใช้ตั้งแต่ตอนเตรียมตัวอ่านหนังสือเพื่อสอบเข้า จนถึงตอนนี้ มีประโยชน์ในการจัดการเวลาแล้วก็เตือนความจำได้ดีมากค่ะ
ดาวน์โหลด
เป็นไงกันบ้างคะ กับสาวเฟรชชี่ของเราในวันนี้ ทำเอาเปิดเทอมนี้สดใสเลยใช่มั้ยล่ะ.. แบไต๋ก็ขอให้เปิดเทอมนี้น้องๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยสนุกและได้ประสบการณ์ดีๆ กันถ้วนหน้านะคะ