แม้ว่าในประเทศไทยจะเริ่มมีการพูดถึงไอเดียของการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home มาตั้งแต่ปีก่อน ๆ ที่เมืองไทย โดยเฉพาะในตัวเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่ประสบปัญหาเดิม ๆ มาหลายทศวรรษ ตั้งแต่เรื่องของรถติด อากาศเป็นพิษ จนลุกลามกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่ามากนั่นก็คือฝุ่น PM 2.5 ที่แม้จะเล็กจิ๋ว แต่ก็ส่งผลต่อสุขภาพของคนเมืองได้ในระยะยาว
แต่ก็ดูเหมือนว่าไอเดียของการ Work From Home นั้นจะยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงสักเท่าไหร่ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ค่าฝุ่นและรถติดก็ยังเป็นปัญหาเท่าเดิม แต่ไอเดียของการนั่งทำงานที่บ้านดูจะยังกลายเป็นเรื่องไกลตัวที่ทำไม่ได้จริง
จะว่าเป็นการพลิกผันทุกอย่างจากหน้ามือเป็นหลังเท้าก็ว่าได้ ในช่วงที่ไวรัสโคโรนา สาเหตุของโรค COVID-19 กำลังเป็นปัญหาของโลก ณ ตอนนี้ ทำให้สิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นอย่างไอเดียของการ Work From Home กลับมาอีกครั้ง และกลายเป็นว่าหลายบริษัทได้นำวิธีการนี้มาใช้จริง เพื่อป้องกันความเสี่ยงติดไวรัสจากการอยู่ติดกัน แต่หลายบริษัทและหลายคน เอาเข้าจริง ๆ พอต้องแบกงานกลับไปทำที่บ้าน ก็อาจมีงงเป็นไก่ตาแตก เพราะจากที่เคยประชุมหรือทำงานเอกสารแบบเห็นหน้าจับต้องได้ มีอะไรก็คุยกันต่อหน้า ก็ต้องเปลี่ยนทุกอย่างไปอยู่บนออนไลน์แบบ 100%
Google กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่นอกจากจะ Work From Home มาล่วงหน้าแล้ว ยังเป็นอีกบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เข้ามามีส่วนช่วยในการ Work From Home ให้เป็นจริงได้ ถ้าในแง่ของธุรกิจ ก็มี G Suite ที่เป็นโซลูชันครบวงจรที่สามารถใช้งานได้ง่ายเพียงแค่มี Gmail หรือถ้าเป็นคนทั่วไปก็ยังสามารถใช้งานได้แบบฟรี ๆ รวมถึงการให้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับโรค COVID-19 ที่ถูกต้องผ่านทาง Google Search และใน YouTube
Google และ ผลิตภัณฑ์ของ Google เวอร์ชันธุรกิจอย่าง G Suite จะเข้ามาช่วยเหลือธุรกิจไทยให้ไปสู่การ Work From Home ได้แค่ไหน เราใช้ผลิตภัณฑ์ของ Google อย่าง Google Hangouts Meet เพื่อสัมภาษณ์กับ คุณสายใย สระกวี หัวหน้าฝ่ายสื่อสารองค์กรและมวลชนสัมพันธ์ Google ประเทศไทย (ที่ก็กำลัง Work From Home เหมือนกัน) ที่จะมาแนะนำผลิตภัณฑ์ G Suite และการช่วยเหลือธุรกิจไทยและคนไทยให้ฝ่าวิกฤติไวรัส และปรับธุรกิจสู่การทำงานแบบ Work From Home เต็มตัวได้อย่างไร
รวมถึงข้อสงสัยที่ว่า Work From Home จะเวิร์คจริง ๆ ไหม
G Suite จะช่วยให้บริษัทไทย Work From Home ได้จริง ๆ แค่ไหน
ตอนนี้คุณสายใย Join the Meeting เข้ามาแล้ว…
อยากให้คุณสายใยเล่าก่อนว่า G Suite คืออะไร และมีโซลูชันอะไรบ้าง
เล่าให้ฟังคร่าว ๆ ก่อนแล้วกันนะคะ เพราะเราคิดว่าว่า G Suite น่าจะเป็น product ที่มีประโยชน์มาก ๆ สำหรับทุกคนที่ Work from home เพราะเนื่องด้วยเหตุการณ์ตอนนี้ที่เป็นเหตุการณ์โรค COVID-19
G suite จริง ๆ แล้ว ก็คือ Set of Solution เป็น Solution กลุ่มหนึ่งที่รวมผลิตภัณฑ์ทั้งหลายใน Google เอาไว้ด้วยกัน แต่ว่า G Suite ของเราจะแตกต่างตรงที่ มันไม่ได้เป็น Software แต่มันเป็นระบบ Online platform อยู่บน Cloud ทั้งหมด ซึ่งประกอบไป Google Docs , Google Sheet , Google Slide อะไรแบบนี้ แต่ว่าสิ่งที่แตกต่างก็คือ จะมีโปรแกรม Con call ก็คือ Hangouts ซึ่งเราใช้กันอยู่แล้ว
สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ ก็อยากให้มาลองใช้กันดูค่ะ เพราะว่าจริง ๆ ตัวเริ่มต้นก็สามารถใช้ได้ฟรี และสามารถใช้งานได้ง่ายมาก ๆ มีแค่ Gmail ก็เริ่มใช้ได้เลย คือตัวดิฉันเองมองว่า ใครที่กำลังทำงานอยู่บ้าน เป็น SME เจ้าเล็ก ๆ ที่มองหาโซลูชันที่มองหาว่าโซลูชันอะไรที่เราจะสามารถเริ่มทำงานกับทีมได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลย เราจะใช้อะไร ซึ่งสายใยมองว่า G Suite เองนั้นตอบโจทย์ เพราะแค่เรามี Gmail ก็สามารถที่จะเข้ามาใช้ได้เลย จะประชุม video conference หรือใช้ Google Docs ก็ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลาเราทำงานเอกสารก็จะทำกันแยกต่างหากใช่มั้ยคะ แต่ว่าพอมี Google Docs ไม่ว่าใครจะนั่งทำงานตรงไหนก็สามารถแก้ไขงานเดียวกันได้ หรือการใช้ Google Drive ที่สามารถใช้เก็บเอกสารหรือไฟล์ต่าง ๆ แทนที่จะต้องเซฟใส่ Trumbdrive ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถเริ่มใช้งานได้ฟรี ซึ่งสายใยมองว่า มันก็น่าจะช่วยคนในช่วงนี้ได้จริง ๆ
G Suite มีความแตกต่างจากบริการ Google ที่ใช้ฟรีอย่างไรบ้าง เพราะอะไรถึงต้องยอมจ่ายในเมื่อสามารถใช้ได้ฟรี
จริง ๆ มันก็ไม่ได้แตกต่างกันเยอะนะ G suite โดยรวมมันก็คือ Service ของ Google นั่นแหละ แต่ G suite แตกต่างกันเพราะว่าเป็นโซลูชันของลูกค้าแบบ Enterprise ที่มี Volume ในการใช้เยอะ หรือต่อให้ไม่ได้เป็นเจ้าใหญ่ ๆ ก็สามารถใช้แบบเบสิกได้ แน่นอนว่าทุกคนใช้ Gmail อยู่แล้ว แต่ว่าก็จะใช้อีเมลที่เป็น @gmail ซึ่งถ้าใช้ G Suite อีเมลที่ได้ก็จะเปลี่ยนเป็น @ ของบริษัทนั้น ๆ แต่ว่าหน้าตาการใช้งานหรือ interface ก็ยังเป็น Gmail อยู่ ทุกอย่างเหมือนกัน
เพียงแต่ว่า @ จะสามารถใช้ชื่อบริษัทต่อท้ายได้ ซึ่งก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของบริการ G Suite ในระดับ Enterprise ซึ่งมันก็จะมีความเป็นบริษัทมากขึ้น เช่นเวลาส่งอีเมลงานหากัน เราก็สามารถล็อกได้ว่า ถ้าไม่ใช่ @ นี้เข้าไม่ได้ อ่านไม่ได้นะ
หรือการ Setting การประชุมใน Google Hangouts Meet ถ้าเป็น @gmail ธรรมดาก็จะปรับ Privacy เป็นแบบ “internal only” (ประชุมเป็นการภายในเท่านั้น) ไม่ได้ ซึ่งก็จะทำให้มีความเป็นบริษัทมากขึ้น รวมถึง Google Drive ที่จะมี Space เพิ่มขึ้นตามราคาที่จ่าย และเป็น Drive เฉพาะของบริษัทที่ล็อกไว้ไม่ให้คนนอกามารถกดลิงก์เข้ามาดูได้ อะไรประมาณนี้ค่ะ
อะไรเป็นเหตุผลที่ SME ต้องจ่ายเพื่อมาใช้ G Suite แทน Google เดิมที่ฟรีอยู่แล้ว
แน่นอนว่าอย่างที่บอกไปคือ ตัวฟรีก็ทำงานได้ ใช้งานได้ดีเลยล่ะค่ะ แต่ว่าถ้าในฐานะคนที่ทำธุรกิจ SME ก็จะเริ่มจ่ายเพื่อจะใช้ Domain และเริ่มใช้ Professionnal E-mail มากขึ้น ในการที่มี @ เป็นชื่อบริษัทตัวเอง ซึ่งก็ถือว่าเป็นอะไรที่เบสิกที่สุดที่คนจะเริ่มจ่ายเงินในตอนแรก หรือถ้าจะซื้อ Ad เริ่มซื้อ Seach Result มันก็จะเริ่มมี Intregrate หลาย ๆ อย่างเข้ามา อย่างเช่นเวลาซื้อไดรฟ์ เพื่อที่จะแชร์ไดรฟ์กันในบริษัท แทนที่เราจะใช้ @gmail ซึ่งอาจจะจะมีไฟล์ที่มีมีอายุในการดาวน์โหลดจำกัด เราก็จะเริ่มจ่ายเพื่อสร้างระบบให้มีความเป็นบริษัทมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นตัวที่ SME เริ่มหันมาใช้กันมากขึ้นซึ่งจริง ๆ แล้วราคาเริ่มต้นไม่ได้แพง ถ้าจะเริ่มใช้กันไม่กี่คน และต้องการให้มีความ Professional มากขึ้น
แล้วถ้าสมมติว่า SME อยากจะเริ่มทดลองใช้ จะมีทดลองให้ใช้ฟรีก่อนบ้างไหม
มีค่ะ เรามีทดลองใช้ฟรี ทดลองใช้ฟรีได้ 14 วัน เพื่อให้ลองเข้าไปดูว่า ตัว Service ที่เป็น Enterprise มีอะไรบ้าง
แล้วในช่วงการทดลองใช้ จะสามารถใช้ได้แบบเต็มประสิทธิภาพในทุก Service หรือไม่
ใช้ได้ค่ะ แต่เอาจริง ๆ พูดตรง ๆ ก็คือ ช่วงทดลองใช้ เราก็มีสเปซไดรฟ์ให้ถึง 100 GB ซึ่งเอาจริง ๆ ก็ใช้ได้ไม่ถึงหรอกค่ะ แต่ว่าพอใช้ไปเรื่อย ๆ ในที่สุดเดี๋ยวก็ต้องจ่ายเงิน แล้วก็ต้องเอาไฟล์ออกถ้ายังไม่ได้จ่าย ซึ่งมันก็จะมีความยุ่งยากวุ่นวาย ฉะนั้นเราก็จะแนะนำว่า ลองใช้ Hangouts ก่อนไหม ตอนแรกเริ่มใช้สัก 10 คนก่อน แล้วค่อยขยับไปเป็น 100 คน อะไรแบบนี้ค่ะ ถ้าสมมติว่าใช้แล้ว และอยากเริ่มใช้ต่อ มันก็มีหน้าที่เป็น G Suite ให้เข้าไปใช้ได้เลยค่ะ จะมีหน้าเว็บที่ Support อยู่ เป็นโพรแกรมภาษาไทย และมีทีมงานคนไทยคอยให้การช่วยเหลือตลอด
แล้วถ้าไม่ใช่ธุรกิจที่เป็นองค์กรหรือบริษัท บุคคลธรรมดาจะเหมาะกับการใช้ G Suite หรือไม่ อย่างไรบ้าง
คือถ้าสำหรับคนทั่วไป จริง ๆ แล้วมันใช้ได้นะ คืออย่างตัวของสายใยเองก็มี Private gmail ซึ่งก็ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ใช้ทำงาน ติดต่อธุรกิจ ติดต่อญาติพ่อแม่ ซึ่ง Gmail เราก็ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของ G Suite แต่ว่าเป็นแบบฟรี หรือ Google Calendar ที่ลิงก์กับ Gmail ก็สามารถใช้ได้ฟรี
พอทราบข่าวมาว่า Google Hangouts Meet ตอนนี้เปิดให้ใช้งานได้ฟรี อยากให้ช่วยเล่ารายละเอียดหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ใช่ค่ะ ปกติ Hangouts Meet ตัวธรรมดาจะใช้ประชุมพร้อมกันได้ 10 คน เหมือนกับโปรแกรม Con Call หลาย ๆ เจ้า ซึ่งอย่างที่เรากำลังคุยอยู่ตอนนี้ หรือว่าบริษัทที่มีคนไม่ถึง 10 คน ก็สามารถที่จะใช้ได้ฟรีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าในช่วงนี้ เราปลดล็อกตัว Enterprise ให้สามารถใช้ได้ฟรี ก็คือสามารถเพิ่มขนาดประชุมพร้อมกันได้ 250 คน เปิดให้ทำ Live Streaming ของเซสชันการประชุมนั้นได้ โดยรองรับผู้ชมสูงสุดถึง 100,000 คน และบันทึกวิดีโอการประชุมลงบน Google Drive ด้วยค่ะ
ในช่วงที่ต้อง Work from home แบบนี้ Google เองจะมี Service อื่น ๆ ที่จะรองรับกับการ Work from home ในช่วงนี้บ้างไหม
จริง ๆ บริการของเราเริ่มต้นก็ฟรีทุกอย่างเลยนะ (หัวเราะ) Drive ก็ฟรี Calendar ก็ฟรี แต่ว่า Work From Home ก็อาจจะเป็นสิ่งใหม่ที่คนไทยยังไม่ค่อยคุ้นชิน แต่ว่าอย่างตัวสายใยเองกับการทำงานใน Google หรือบริษัทในต่างประเทศบางบริษัท เขาก็อาจจะคุ้นเคยกับการทำงานแบบ Remotely ยกตัวอย่างสายใยเองก็ต้องทำงานกับสำนักงาน Google ที่อเมริกา เราก็จะชินอยู่แล้ว ว่าทุกอย่างมันอยู่ในออนไลน์ ทั้งที่จริง ๆ โปรแกรมออนไลน์หลาย ๆ โปรแกรมก็สามารถใช้ได้ดีนะ ตอนนี้เราก็เลยอยากจะโปรโมท ว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เราต้องค่อย ๆ ปรับตัว ก็เลยอยากจะให้ G Suite เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ใช้ได้ฟรี จะได้เป็นการลดค่าใช้จ่ายของ SME ที่อาจจะประสบความลำบากในช่วงนี้ได้ค่ะ
ด้วยความที่ G Suite มาเป็นแพ็กเกจ SME บางรายอาจจะมองว่า อาจจะไม่ได้ใช้ทั้งหมด ถ้าอยากจะใช้บางฟีเจอร์ จะสามารถเลือกจ่ายเท่าที่จำเป็นได้หรือไม่
จริงๆ ก็เลือกใช้ได้นะคะ แต่ว่า เอาจริง ๆ ราคาเริ่มต้นของ G Suite อยู่ที่ 6 เหรียญ หรือประมาณ 180 บาทเอง ต่อให้ได้ฟีเจอร์มาเต็ม ๆ แต่เราก็เลือกใช้ได้ค่ะ เช่นอย่าง Google Drive ในการช่วยจัดการสเปซนั่นนี่ เราว่าคนส่วนใหญ่ที่เลือกใช้ G Suite เพราะว่ามันเป็นระบบ Cloud ของ Google ที่ขึ้นชื่อว่าระบบค่อนข้างเสถียร และมีระบบ Security ที่ดีมาก ๆ ซึ่งอย่าง Drive เองก็เป็นจุดเริ่มต้นในการเก็บไฟล์ต่าง ๆ และใช้งานร่วมกันได้ง่ายที่สุดค่ะ
นอกจากนั้นแล้วมีฟีเจอร์เด่น ๆ ของ G Suite ที่อยากแนะนำเป็นพิเศษไหม
จริง ๆ แล้วจุดเด่นของ G Suite ที่สายใยมองคือเรื่องของ Cloud เลยค่ะ เพราะว่า G Suite นั้นทำงานภายใต้ Google Cloud ที่ได้ชื่อว่าค่อนข้างเสถียรและทำงานได้เร็วมาก ซึ่งอยากให้มองว่า พนักงาน Google ทั่วโลกทำงานด้วยกันได้ยังไง คำตอบก็คือ พนักงานของเราเองก็ใช้ G Suite ในการทำงาน เพราะว่ามันใช้งานง่ายมาก สามารถใช้แค่ Gmail ตัวเดียวในการเข้าถึงทุก Service สามารถทำงานทุกอย่างร่วมกันได้ ไม่จำเป็นจะต้องเสียเวลาเข้าแอปหนึ่ง ไปตอบอีกแอปหนึ่ง สามารถทำงานทุกอย่างได้ทางออนไลน์ผ่านเบราเซอร์ ใครจะอยู่ตรงไหนก็สามารถเข้ามาคอมเมนต์ได้ และคุณก็จะเห็นแบบ real time เลยว่าอีกฝั่งพิมพ์อะไรอยู่
และทุกบริการของเราสามารถที่จะซิงก์หากันได้ เช่นก่อนหน้านี้ที่เรานัดสัมภาษณ์กัน ก็สามารถที่จะส่งอีเมลเพื่อนัดวันและเพิ่มลงใน Google Calendar ได้เลย หรือถ้าเกิดว่าจะต้องเลื่อนวันออกไป ก็สามารถแจ้งเตือนทางอีเมลได้เลย ถ้าเป็นเมื่อก่อน การทำงานจากคนละที่ ไม่ได้เจอหน้ากัน เราจะไม่รู้ว่าใครทำอะไร แต่เรารู้สึกว่า G Suite มันตอบโจทย์ตอนนี้ ที่ทุกคนต้องทำงานกันผ่านระบบออนไลน์มากยิ่งขึ้นค่ะ
ในช่วงนี้ที่คนทำงานเริ่มต้องทำงาน Work From Home มากยิ่งขึ้น ทาง Google ได้เตรียมพร้อม Infrastructure ในการที่มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเป็นจำนวนมากอย่างไรบ้าง
เชื่อว่าเรารับมือได้แน่นอนค่ะ เพราะว่าเรามีทีมที่ดูแล Infrastructure ทั่วโลกอยู่แล้ว และทีมของกูเกิ้ลเราก็ทำงานกัน 100% ตลอดเวลาไม่ขาดแน่นอน ยอมรับว่าอาจจะมีช้าลงบ้าง อย่างเช่นตัว Google For Education ที่เราเปิดให้ใช้ฟรี อาจจะมีคนที่เข้ามา register ในจำนวน volume ที่เยอะ อาจจะต้องใช้เวลาในการ Verified นานกว่าปกติ แต่ว่าก็ไม่ได้นานขนาดนั้น โดยรวม ๆ ก็คือยังเสถียรและใช้งานได้ปกติ เรายังไม่เคยมี report ว่าพบปัญหาตรงนี้ค่ะ
แล้วในส่วนของด้านความปลอดภัย (Security) หรือความเป็นส่วนตัว (Privacy) ของผู้ใช้งานทาง Google ดูแลในส่วนของ G Suite อย่างไรบ้าง
อย่างที่บอกว่าจุดเด่นของเราก็คือ Cloud ซึ่ง G Suite เป็น solution ที่อยู่ภายใต้ Google Cloud ซึ่งก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ security สูงมากอยู่แล้ว เป็นผลิตภัณฑ์ที่คนทั่วโลกใช้ หรือในรัฐบาลบางประเทศก็ใช้ ซึ่งใครจะมาขอ Data เราก็ไม่สามารถให้ได้
คือถ้ามีรัฐบาลไหนมาขอดูข้อมูล ทาง Google ไม่มีนโยบายที่จะให้ข้อมูลเลยใช่ไหม
ไม่ค่ะ ไม่มี
แต่ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัย เกิดมีเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลขึ้นมา มีแนวทางรับมือหรือแก้ไขอย่างไรบ้าง
จริง ๆ ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นได้นะคะ เราเองก็มีทีมที่ดูแลตรงนี้อยู่ เอาจริง ๆ ถ้าเกิดเหตุลูกค้าโดนแฮก หรือข้อมูลลูกค้ามีปัญหา เรามีทีม security และทีม engineer ที่ทำงาน 24 ชั่วโมง ที่จะดูแลตรงนี้อยู่แล้วค่ะ เพราะว่าเราให้ความสำคัญกับ privacy และ security เป็นนโยบายหลักของเราอยู่แล้ว ในหน้าของ G Suite เองก็มีหน้าเว็บที่คอยให้ความช่วยเหลือ มีโปรแกรมภาษาไทย และมีคนดูแลเป็นคนไทยคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอดค่ะ
คนทั่วไปจะสามารถนำบริการของ Google และ G Suite ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไรบ้างในช่วงที่เกิดโรคระบาด COVID-19 แบบนี้
ต้องขอเล่าแบบนี้ว่า ตอนที่ COVID-19 เริ่มระบาด Google เป็นบริษัทแรก ๆ ที่มี Action ว่าจะทำอะไรบ้าง ถ้าย้อนกลับไปเมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว คุณซันดา พิชัย (Sundar Pichai) CEO ของ Google ได้ประกาศว่า Google จะบริจาคเงิน 800 ล้านเหรียญสหรัฐในการดูแลเรื่อง COVID-19 โดยเฉพาะ ซึ่งตอนนี้ตัวบริษัทเองและพนักงานของ Google ทุกคนที่ทำงานเกี่ยวกับ COVID-19 ณ ตอนนี้ก็คือต้อง หนึ่ง พนักงานทุกคนต้องปลอดภัย สอง ต้องซัปพอร์ตธุรกิจขนาดเล็ก และสาม ในระดับ Public ต้องได้รับการเชื่อมต่อและรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ภารกิจที่เป็นแก่นของ Google ตั้งแต่ก่อนที่จะมีเหตุการณ์นี้ก็คือ การทำให้ข้อมูลสามารถนำมาใช้ได้ ซึ่งสายใยมองในฐานะคนไทยก็มองว่าเราทำหน้าที่ตรงนั้นได้ดีมาก ๆ
ณ ตอนนี้มีสิ่งที่ Google ทำเกี่ยวกับ COVID-19 หลายอย่างมาก ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างก็สามารถเข้าไปที่ google.com/covid19 ที่เราทำขึ้นเป็นเหมือนเว็บไซต์เฉพาะกิจที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ COVID-19 เลยค่ะ ในนั้นจะมีข้อมูลทุกอย่าง และเป็นข้อมูลที่เราร่วมมือกับ WHO ซึ่งเราอยากจะให้ตรงนี้เป็น Hub ที่ตอบโจทย์การให้ข้อมูลได้ หรือการให้ข้อมูลว่า G Suite สามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง ใน YouTube ก็จะเป็นการให้ข้อมูลว่าอยู่กับบ้านจะทำอะไรดี Work From Home อย่างไร เป็นเหมือน Hub ที่รวมข้อมูลแบบ All In one
และอีกอย่างที่เราเริ่มทำมาตั้งแต่แรก ๆ คือ SOS ALERT คือถ้าเราเข้าไปใน Google Search เกี่ยวกับข้อมูล COVID-19 จะมีข้อมูลที่ได้รับการยืนยันจาก WHO หรือถ้าในไทยก็เป็นกระทรวงสาธารณสุข เพื่อจะได้เห็นข้อมูลที่ถูกต้องและมีความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ ของการค้นหา
ณ ตอนนี้ การใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ตรวมถึงการใช้งาน Service ของ Google เองในช่วงที่มีการ Work From Home เพิ่มขึ้นอย่างไรบ้าง
ในส่วนตัวเลขสายใยอาจจะไม่ได้มีข้อมูลตรงนั้นนะคะ แต่ว่าแน่นอนว่ามันมากขึ้น ตอนนี้ EU ก็ถือว่าเป็นหน่วยงานแรกของโลกที่เริ่มรีเควสต์ให้บริษัทอย่าง Netflix หรือ YouTube เริ่มจำกัดความละเอียดเริ่มต้นของวิดีโอลงมา เป็นการร่วมด้วยช่วยกันเพื่อให้ Bandwidth มีเพียงพอให้สำหรับคนที่ต้องทำงาน เพราะว่าตอนนี้เหมือนว่าทุกคนอยู่ดี ๆ ก็ต้องใช้อินเทอร์เน็ตทำงานที่บ้านพร้อม ๆ กัน ซึ่งตอนนี้ YouTube เราเองก็ตั้งค่า Default เป็น SD แทนที่จะเป็น HD เพื่อให้มี Bandwidth พอใช้สำหรับทั่วโลก
ถ้าสถานการณ์ COVID-19 มีความรุนแรงมากกว่าเดิม ทาง Google เองมีแผนรองรับหรือมี Service ที่จะช่วยเหลือคนที่ต้องทำงาน Work From Home เพิ่มขึ้นอย่างไรบ้าง
หวังว่ามันจะไม่รุนแรงขึ้นนะคะ (หัวเราะ) ซึ่งเราเองก็ทำในส่วนของเราเท่าที่จะทำได้ อย่างเช่นการให้ Ad Credits หรือตอนที่คุณซันดาประกาศบริจาค 800 ล้านเหรียญ ก็ถือว่าเป็นการให้ความช่วยเหลือที่ครอบคลุมทั้งโลกรวมทั้งในประเทศไทย และเราเองก็จะมีการทำงานในระดับภูมิภาค เช่นทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ยกตัวอย่างเช่นกระทรวงเองอาจจะมี Public Service Annoucement ซึ่งเราอาจจะขอความร่วมมือในการนำเอาข้อมูลเหล่านั้นมาแสดงในหน้าแรก ๆ ได้ หรือ YouTube เราก็จะร่วมมือกับสำนักข่าวต่าง ๆ เช่น ThaiPBS และสำนักข่าวที่น่าเชื่อถือ นำคลิปข่าวขึ้นมาโชว์เพื่อให้ชาวบ้านได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้
สำหรับสำนักงาน Google ทั่วโลกหรือสำนักงาน Google ไทยเองได้มีการเตรียมตัวในการ Work From Home และทำ Social Distancing อย่างไรบ้าง
จริง ๆ คงตอบไม่ได้ทั้งหมดนะคะ เพราะว่าสำนักงาน Google ของเรามีเยอะมาก มีอยู่ 70 ประเทศทั่วโลก ถ้าเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบ COVID-19 จริง ๆ อย่างเช่นในประเทศไทย ก็มีการ Work From Home มาสักพักแล้ว อย่างตัวของสายใยเองก็ทำงานที่บ้านจนลืมนับวันไปแล้ว (หัวเราะ) อย่างที่ประเทศจีนเองเขา Work From Home มา 2-3 เดือนแล้วค่ะ คือเริ่มมาตั้งแต่แรก ๆ แล้ว
ที่ญี่ปุ่น หรือที่อเมริกาเองก็เริ่ม Work From Home แล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้วเราค่อนข้างที่จะ Active กับเรื่องพวกนี้มานานแล้ว เราเริ่มชินกับการทำงานระยะไกลกันมาก ๆ เพราะต่อให้ไปทำงานออฟฟิศที่กรุงเทพฯ ก็ต้องทำงานกับสิงคโปร์ หรือกับ Mountain View (สำนักงานใหญ่ของบริษัทกูเกิล ตั้งอยู่ที่เมืองเมาน์เทนวิว รัฐแคลิฟอร์เนีย) คือทุกคนพร้อมอยู่แล้ว แค่มีประกาศว่าจะ Work From Home ทุกคนก็แค่ถือคอมพิวเตอร์แล้วกลับบ้าน
ในความคิดของคุณ คุณคิดว่าในอนาคต การทำงานแบบ Work From Home จะเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน
จริง ๆ แล้วการ Work From Home มันเป็นโซลูชันที่ประหยัดเวลา ถ้าเรามีเครื่องมือหรือการจัดการบริหารงานของตัวเองที่ดี ณ ตอนนี้พอบอกว่าจะต้อง Work From Home คนส่วนใหญ่จะเครียดว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะว่ามันไม่ค่อยชิน ณ ตอนที่มี COVID-19 ยังไงก็จะต้องมีการ Work From Home มากขึ้น น่าจะทำให้บริษัทที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะ Work From Home เริ่มต้นทำได้แล้ว เพราะว่าตอนนี้มันก็มีโซลูชันให้ใช้ทำงานได้ฟรี อาจจะไม่จำเป็นต้องของ Google อย่างเดียวก็ได้ ของเจ้าอื่น ๆ ที่ฟรีก็มี ถ้าเราสามารถร่วมด้วยช่วยกันจนกระทั่ง COVID-19 มันจบด้วยการอยู่บ้านและทำสิ่งที่ปลอดภัย
ถ้ายังต้องเข้าออฟฟิศก็เข้าเท่าที่จำเป็น พอกลับมาถึงบ้านก็ทำความสะอาดให้เรียบร้อย เราทุกคนต้องมีความรู้สึกว่าเราต้องดูแลตรงนี้น่ะค่ะ แล้วก็ต้องปรับตัวเพื่อที่จะทำงานแบบ Work From Home ให้ได้ ถ้าถามตัวสายใยเอง ก็จะพยายามทำตัวให้เหมือนอยู่ออฟฟิศมากที่สุด ใส่เสื้อเชิ้ตให้เหมือนไปทำงานออฟฟิศ แล้วก็พยายามโทรหาเพื่อน โทรหาพ่อแม่ให้มากขึ้น สายใยเชื่อว่าด้วยความเป็นมนุษย์เราก็จะปรับตัวได้เอง
คุณสายใยคิดว่าทำไมบริษัทไทยหลาย ๆ บริษัทถึงยังเริ่มทำ Work From Home ไม่ได้สักที
เราคิดว่าการ Work From Home มันไม่ใช่ว่าทำได้ทันที เพราะว่าบางองค์กรที่ทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ Desktop หรือไม่ได้ทำงานกับคอมพิวเตอร์เลย มันก็จะค่อนข้างลำบาก เอาจริง ๆ คนที่สายใยรู้สึกขอบคุณมาก ๆ ในช่วงนี้เลยคือพนักงานร้านสะดวกซื้อ พนักงานเก็บขยะ เราคงไปพูดเรื่อง Work From Home กับเขาไม่ได้ ในที่สุดเรามองว่าทุกคนเองก็จะมีหน้าที่เป็นของตัวเอง เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ เราเองก็ทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด บริษัทไหนที่ Work From Home ได้ ก็ควรจะทำเพื่อลดภาระคุณหมอและพยาบาลให้มากที่สุด ส่วนคนที่ยังจำเป็นจะต้องออกไป เขาก็จะได้ออกไปทำงาน แล้วก็จะได้ลดภาระในส่วนที่ไม่ควรจะเป็นภาระ
คำถามสุดท้าย – บริการ G Suite หรือ Google เองจะมีส่วนร่วมผลักดันในการ Work From Home อย่างไรบ้าง
เราเองคงไม่ได้ไปผลักดันโดยตรงนะคะ แต่ว่าเราอยากจะเสนอตัวเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับการ Work From Home ลองค่อย ๆ ปรับตัว ลองใช้ดู เพราะว่าตัว G Suite เองก็มี Interface ที่คุ้นเคยอยู่แล้ว และมีโซลูชันที่ช่วยเหลือ SME ค่อนข้างเยอะ และมีทีมดูแลที่เป็นคนไทย น่าจะช่วย Work From Home ได้ง่ายมากขึ้น
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส