Alienware M18 คือโน้ตบุ๊กเกมมิงที่ใช้สเปกแรงสุดเท่าที่จะมีได้ในปี 2023 แล้ว จะเล่นเกมลื่นแค่ไหน เดี๋ยว beartai ให้ฟัง! เป็นเกมมิงโน้ตบุ๊ก ก็ต้องดูที่สเปกกันก่อน หลายคนอาจจะสงสัยว่า “ใช้สเปกแรงสุดในปี 2023” เนี่ย ข้างในใช้สเปกอะไร
สเปก
เริ่มที่ซีพียู อันนี้ขับเคลื่อนด้วย 13th Generation Intel® Core™ i9-13980HX Processor ที่เป็นซีพียูระดับเรือธงของฝั่งโน้ตบุ๊กเลย มี 24 Cores, 32 Threads แบ่งเป็น 8 Performance Core และ 16 Efficient Core และมีค่า Clockspeed สูงสุดที่ 5.6GHz ถือว่าแรงที่สุดในบรรดาซีพียูโน้ตบุ๊กของ Intel® ในปี 2023 แล้วล่ะ
ถามว่าแรงแค่ไหน ถ้าเทียบกับซีพียูคอมตั้งโต๊ะก็ต้องบอกว่าแรงระดับน้อง ๆ Intel® Core™ i9-13900K เลยล่ะ ส่วนคะแนนที่ได้จาก Geekbench 6 แบบ Single Core ก็ได้ไป 2,898 คะแนน และ Multi Core 17,469 คะแนน ถือว่าสูงมาก ๆ
ฝั่งการ์ดจอ อันนี้เป็นการ์ดจอ RTX 4090 แรม 16GB ที่ใช้ไฟ TGP 175W ถือว่าแรงสุดเท่าที่จะมีในโน้ตบุ๊กเกมมิง ณ วันที่เราถ่ายทำแล้ว
ซึ่งความแรงระดับนี้ก็เลยทำคะแนนจาก 3DMark Port Royal ไป 13,424 คะแนน ส่วน Time Spy Extreme ได้ไป 10,688 คะแนน ถามว่าแรงแค่ไหน ถ้าเล่น Battlefield V 2K ปรับ Ultra จะได้เฟรมที่ 200+ เลย ซึ่งอันนี้เดี๋ยวเราจะมาทดสอบหลังจากนี้นะ
แรมก็เป็น DDR5 ขนาด 64GB ความเร็ว 4800MHz (เมกะเฮิร์ซ) ส่วน SSD ก็เป็น M.2 แบบ 2TB ซึ่งมีความเร็วการอ่านอยู่ที่ 7,122 MB/s และ เขียน 6,655 MB/s
ถ้าไม่พอก็ใส่ก็เพิ่มได้อีก 3 ช่อง สูงสุด 9TB ด้วยนะ รวมแล้วมีช่อง M.2 ได้ถึง 4 ช่องเลย ซึ่งทั้งหมดรองรับการทำ Raid ด้วยนะ อันนี้ใครชอบเก็บเกม AAA ไว้น่าจะชอบกัน
จอ
ส่วนสเปกจอ อันนี้ใช้เป็นจอประเภท WVA หรือ Wide Vertical Alignment 18 นิ้ว แม้จะไม่ใช่ IPS หรือ OLED แต่ก็ให้ค่าสีที่ตรงระดับ DCI-P3 ใครจะเอาไปใช้ แต่งภาพ หรือตัดต่องานระดับลงโซเชียลอันนี้ไว้ใจได้เลย หรือถ้าเอามาเล่นเกมก็ได้สีสัน
ด้านค่ารีเฟรชเรต อันนี้อยู่ที่ 165Hz หลายคนน่าจะคิดว่าน้อยไปนิด ก็คิดแบบนั้นตอนแรก แต่จากที่ลองเล่นหลายๆ เกมมากับความละเอียด 2K เฟรมเรตจะไม่ค่อยเกิน 200 ทำให้จอ 165Hz ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
การเชื่อมต่อไร้สาย
สเปกการเชื่อมต่อไร้สายจะมี WiFi 6E ที่รองรับคลื่น 6GHz และ Bluetooth 5.2 ส่วนกล้องหน้าก็จะเป็นแบบ Full HD หรือ 1080p ภาพก็จะชัดอย่างที่ทุกคนเห็นเลย ว่าใช้สตรีมเกมได้นะเนี่ย นอกจากนี้ยังสแกนหน้าเพื่อปลดล็อกได้ด้วยนะ อันนี้เจ๋ง แทบไม่เห็นในโน้ตบุ๊กเกมมิงเลย ส่วนระบบเสียงก็เป็น Dolby Atmos ที่ให้มิติเสียงสมจริงขึ้น
สรุปภาพรวมในสเปก ต้องบอกว่า Alienware M18 ใส่สเปกที่แรงสุดเท่าที่จะมีในโน้ตบุ๊กเกมมิงในปี 2023 แล้วล่ะ แล้วคำถามคือจะเล่นเกมลื่นแค่ไหนล่ะ ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาทดสอบกัน
ทดสอบการเล่นเกม
ก่อนไปเทส เราต้องมาปรับการทำงาน Alienware Command Center ให้สูงสุดก่อน ซึ่งเราจะปรับไว้ที่ Overdrive ซึ่งนอกเหนือจากปรับการตั้งค่าได้แล้ว ยังปรับสีไฟ RGB รวมถึงปรับการตั้งค่าแบบรายเกมได้ด้วยนะ
เกมแรกที่เราจะทดสอบกันคือ Cyberpunk 2077 อันนี้เกมเก่าแล้ว แต่ยังใช้เทสได้ดีอยู่ โดยการตั้งค่าความละเอียดจะอยู่ที่ 2K คุณภาพสูงสุด และเปิด DLSS Frame Generation เวลาเล่นทำเฟรมเรตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 120+
ส่วนเกมถัดมาคือ Call of Duty: Modern Warfare II อันนี้ก็ปรับภาพ 2K กับคุณภาพสุดแบบ Extream พร้อมเปิด DLSS ก็จะทำ FPS เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 170+
สุดท้ายคือเกม Ultimate epic simulator ที่เอากองทัพมาสู้กัน อันนี้จะกิน CPU เยอะเป็นพิเศษ เดี๋ยวเราจะเอากองทัพเรือนแสนมาลุยกัน (ตั้งค่า) สำหรับ FPS เฉลี่ยที่ทำได้จะอยู่ที่ประมาณ 130+
ถ้าถามความร้อนเป็นยังไง ต้องบอกว่าระหว่างที่เล่นเกมเราจะเห็นว่าความร้อนซีพียูอยู่ที่ราว ๆ 90-100 องศา และการ์ดจออยู่ที่ราว ๆ 60-70 องศา ถามว่าร้อนไหม ต้องบอกว่าร้อนมีบางครั้งที่ไปแตะถึง 100 ก็มี อันนี้เป็นปกติของโน้ตบุ๊กเกมมิงสเปกแรง ๆ เลย
ระบบระบายความร้อน
เรื่องระบบระบายความร้อน อันนี้หลายคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่า Alienware เขาจัดเต็มมาแต่ไหนแต่ไร ในรุ่นนี้ก็เช่นกัน ใช้โลหะเหลว Element 31 ที่ถ่ายเทความร้อนดีกว่าซิลิโคลนทั่วไป มาดึงความร้อนจาก CPU และ GPU ไปเข้าแผง Vapor Chamber ขนาดใหญ่ จากนั้น Heat Pipes เอาความร้อนไปเป่าออกด้วยพัดลมถึง 4 ตัว ถามว่าระบายความร้อนได้ดีแค่ไหน เดี๋ยวจะเปิดพัดลมให้ทำงานแบบ 100% ให้ฟัง (เปิดโหมด Overdrive) ได้ยินเสียงลมที่เป่าออกมาไหม อันนี้ทำให้เราเล่นเกมนาน ๆ ได้สบาย ๆ โดยประสิทธิภาพไม่ลดลง แล้วทำให้เฟรมดรอป
สรุปเรื่องประสิทธิภาพการเล่นเกม ต้องบอกว่าสุดจริง ๆ ขนาดเกมที่กินสเปกมาก ๆ อย่าง Cyberpunk 2077 ยังทำเฟรมเรตเฉลี่ยได้ถึง 120fps เลย แรงจริง
ดีไซน์
ดูเรื่องสเปกและประสิทธิภาพกันไปแล้ว สุดท้ายมาดูเรื่องดีไซน์กัน ต้องบอกว่า Alienware ยังคงใช้ดีไซน์ที่ไม่ได้ต่างจากหลาย ๆ ปีก่อนมากนัก แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังคงดูสวย และดูล้ำ สไตล์ยานอวกาศเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมมาคือความพรีเมียม ที่ฝาหลังอันนี้ทำจากอะลูมินัม มีการทำลายตัวเลข 18 ไว้ที่มุม และใช้สี Dark Metallic Moon ดูรวม ๆ ว่าพรีเมียมนะ
ส่วนไฟ RGB ก็จัดเต็มเหมือนเดิม ปรับแต่งได้ผ่าน Alienware Command Center แบบนี้เลย มีด้านหลังเครื่อง โลโก้ ปุ่มเปิดเครื่อง และคีย์บอร์ดที่เป็นแบบ RGB per Key
พูดถึงคีย์บอร์ด อันนี้ก็ให้สัมผัสการกดที่นุ่มนิ้วเลย ระยะกดกำลังพอดี เหมาะกับการเล่นเกม แต่เสียดายมีแค่คีย์อังกฤษ ไม่มีคีย์ไทย ด้านทัชแพดเองก็ลื่นนิ้ว และค่อนข้างใหญ่ แต่เอาจริง ๆ คนเล่นเกมคงไม่ค่อยได้ใช้หรอก เพราะต่อเมาส์คีย์บอร์ดแยกกันอยู่แล้ว
ด้านพอร์ตที่มี ว่าเขาให้มาเยอะมาก ฝั่งนี้มี USB-C 3.2 Gen 1, อีกฝั่งมี ช่องเสียบ Jack 3.5 mm ช่องเสียบ USB-A 3.2 Gen 1 สองช่อง และช่องเสียบสาย LAN 2.5G
ส่วนด้านหลังมี Thunderbolt 4.0 สองช่อง, ช่อง Type-A 3.2 Gen 1, ช่อง HDMI 2.1, ช่อง Mini Displayport 1.4, ช่องอ่าน SD Card และช่องเสียบอะแดปเตอร์ พูดถึงอะแดปเตอร์ คิดว่าดีไซน์ก็ยังดูดีเลย เหมือน Powerbank สามหมื่นวัตต์เลย
ข้อสังเกต
พูดถึงข้อดีมาเยอะแล้ว มาพูดถึงข้อสังเกตกันบ้าง เอาจริง ๆ ก็มีพูดถึงระหว่างทางมาบ้างแล้ว แต่ที่ต้องยกมาพูดแยกเลยคือ ขนาดและน้ำหนักที่จัดเต็มเหมือนสเปกเลย ความหนาอยู่ที่ 2.67 ซม. และหนักถึง 4.04 กก. ดัมเบลอันหนึ่งเลยนะนั่น ถ้าใครคิดว่าต้องพกบ่อย ๆ ก็เป็นจุดที่ต้องพิจารณา
ราคา
สุดท้ายมาพูดถึงราคากัน แน่นอนว่าจัดเต็มแบบนี้ ราคาก็ต้องไม่ธรรมดา Alienware M18 เครื่องนี้ สเปกนี้ มีราคาอยู่ที่ 184,490 บาท
สำหรับประกันที่ให้มาก็จะเป็นแบบ Premium Support 2 ปี และประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรก
ใครสนใจโน้ตบุ๊กเกมมิงจอ 18 นิ้วที่ให้สเปกมาแบบจัดเต็ม เท่าที่โน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่งจะมีได้ เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://th.dellexperience.co/product/alienware-m18/