Our score
8.2Nintendo Switch
จุดเด่น
- ลูกเล่นของ Joy-con
- ความลื่นไหลในการสลับไปมา
- เล่นได้หลายรูปแบบ
จุดสังเกต
- ราคาแพงไปหน่อย
- คุณภาพวัสดุยังไม่ดีเท่าที่ควร
- ชาร์จไฟตอนเล่นโหมดแท็บเล็ต ไม่ได้ต้องซื้อแท่นวาง
-
คุณภาพของตัวเครื่อง
8.0
-
ลูกเล่นของตัวเครื่อง
8.5
-
ความแปลกใหม่
8.5
-
ความคุ้มค่า
8.0
-
ภาพรวม
8.0
ในที่สุดทางทีมงาน แบไต๋ ก็ได้เครื่องเกม Nintendo Switch มาลองเล่นและหลังจากได้สัมผัสแล้วเลยมาขอรีวิวให้ฟังว่ามันจะมีดีพอที่ทำให้ปู่นินกลับมาอยู่ในตลาดเกมคอนโซลได้หรือไม่ โดยเกมที่มาลองมีทั้งเกมเทพอย่าง Zelda: Breath of the Wild และ 1-2-Switch ในราคาขายรวมที่ดูเหมือนจะแพงแต่ได้เกมมา 2 เกมถือว่าไม่ได้สูงมากนัก
สัมผัสแรกที่พบคือตัวเครื่องที่มีขนาดโดยรวมแล้วใหญ่พอตัว เมื่อเทียบกับเครื่องเกมพกพาด้วยกันอย่าง 3DS ทำให้ใครอยากที่จะพกไว้ในกระเป๋ากางเกง แต่เมื่อเทียบขนาดกับ ipad ถือว่าเล็กกว่า ดังนั้นหากคุณเคยเอา ipad ไปเล่นนอกบ้านมันคงไม่มีปัญหาในการพกพาแน่ แต่คุณอาจต้องเอามันใส่กระเป๋าถือแทน โดยเราสามารถเล่นได้ 3 รูปแบบทั้งแบบต่อทีวี แบบตั้งเล่นบนโต๊ะ แบบเครื่องเกมพกพา ที่เราสามารถสลับสับเปลี่ยนได้รวดเร็วมากตามที่ปู่นินคุยไว้
มาดูว่าในกล่องเครื่อง Nintendo Switch มีอะไรบ้าง
- ตัวเครื่อง Nintendo Switch
- Dock เชื่อมต่อ
- Joy-con 2 อัน
- ตัวเชื่อมต่อกับ Joy-con เพื่อให้จับถนัดมือ
- หม้อแปลงไฟ (ใช้ในไทยได้เลย)
- Joy-con grip
- สาย HDMI
โดยตัวเครื่อง Nintedo Switch ที่ไม่มี Joy-con ถือว่ามีความคล้ายกับ แท็บเล็ต มาก โดยมันสามารถตั้งอยู่ได้ด้วยขาตั้งที่อยู่ด้านหลังของเครื่องเกม ที่นอกจากทำหน้าที่ช่วยให้เครื่องทรงตัวอยู่ได้แล้ว มันยังเป็นที่อยู่ของช่องใส่ Micro SD ด้วยเรียกว่าเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยม ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องที่ไม่มีอะไรนอกจากช่องเสียบสาย USB C และไว้เชื่อมต่อกับตัว Dock ด้วย
ส่วนด้านบน จะเป็นที่อยู่ของช่องใส่ GameCard , ช่องระบายความร้อน (ที่มีพัดลมด้านใน) และปุ่มปิดเปิด รวมทั้งปุ่มปรับเสียง ที่มีขนาดใหญ่กดง่ายกว่าเครื่องคอนโซลพกพาตัวเก่าๆของ Nintendo และด้านบนยังเป็นที่อยู่ของช่องเสียบหูฟังขนาดปรกติ โดยรวมตัวเครื่องคอนโซลแม้เมื่อไม่มี Joy-con สวมมันจะมีหน้าตาเหมือนกับ แท็บเล็ต และทำจากพลาสติก แต่ก็ดูดี มีความแข็งแรง ยกเว้นเฉพาะขาตั้งที่ดูทำจากของคุณภาพต่ำไปเล็กน้อยก็ตาม แต่มันก็ดูดีกว่าคอนโซลของปู่นินทั่วไปที่เหมือนของเล่นสำหรับเด็ก
ส่วนประเด็นดราม่าเกี่ยวกับ ขาตั้งของ Nintendo Switch ที่มีความบอบบาง และมันก็ทำจากพลาสติกคุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร แต่การใช้งานทำได้ดีไม่มีปัญหาอะไร การดึงเอามาใช้ก็ง่ายดาย แต่เวลาเอาตัวเครื่องกลับไปเสียบกับ Dock อย่าลืมพับเก็บก่อนไม่เช่นนั้นมันอาจหลุดกระเด็นออกมาได้
ส่วนหน้าตาของตลับเกมคล้ายกับ SD Card แต่มีความหนากว่า และมีความจุสูงสุดที่ 32 GB ถือว่าเหลือๆสำหรับเกมในปัจจุบัน แต่คุณภาพของวัสดุของตลับเกมของ Switch ถือว่าดูด้อยกว่าของ 3DS อย่างเห็นได้ชัดเพราะเหมือนทำมาจากพลาสติกราคาถูก
ต่อด้วยการเชื่อมต่อกับ Dock ทำได้รวดเร็วมากแค่เสียบลงไปในแท่นแค่ไม่กี่วินาทีภาพก็ขึ้นที่หน้าจอ ส่วนเมื่อเราถอดตัวเครื่องออกจาก Dock ทำได้เร็วกว่าเพราะภาพในเกมจะขึ้นบนหน้าจอทันที ที่ดึงออกมาเรียกว่าคราวนี้ปู่นินทำได้สมกับที่คุยไว้จริงๆ
Joy-con ลูกเล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Nintendo Switch
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะคิดว่าลูกเล่นของ Nintendo Switch จะอยู่ตรงที่เราสามารถเอาไปเล่นนอกบ้านได้แต่ความจริงพระเอกตัวจริงของ Switch คือ Joy-con จอยเกมที่รวมทุกอย่างของนินเทนโด มาอยู่ในที่เดียวไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหว ,ระบบสั่นแบบ HD และมีกล้อง IR ที่สามารถสแกนสิ่งของได้
โดย Joy-Con สามารถแยกออกมาเล่นในแนวนอน ที่มีวิธีการจับคล้ายกับจอย แฟมิคอม แถมมีปุ่มกดที่ครบในระดับเดียวกับ Super Famicom (มีปุ่ม SL,SR) แต่ด้วยความเล็กของมันทำให้จับไม่ถนัดมือเท่าไรสำหรับคนมือใหญ่ และอะไรก็ไม่โดดเด่นเท่า ระบบสั่นแบบ HD ที่มีความละเอียดสูงมาก สามารถทำให้เรารู้สึกว่ามีสิ่งของเช่นลูกแก้วกลิ้งอยู่ใน Joy-con ได้ ในส่วนนี้จะลงรายละเอียดเพิ่มใน Review เกม 1-2-Switch ส่วนดราม่าที่มีผู้พบเจอปัญหาการเชื่อมต่อ Joy-con ที่มีอาการหลุดในบางครั้งเท่าที่เล่นมายังไม่พบเจออะไร ทุกอย่างทำได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด
ส่วนคุณภาพกราฟิก แม้ว่าปู่นินจะไม่ได้ระบุอะไร แต่โดยรวมคาดว่ามันจะ เหนือกว่า WiiU , Psvita ถือว่าเป็นเครื่องเกมพกพาที่ทรงพลังมาก แต่ยังไม่อาจเทียบเท่าเกมที่มีกราฟิกคุณภาพสูงบน PS4 หรือ Xboxone ได้ แต่ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ลื่นไหลไม่มีสะดุด และดูดีมากเมื่ออยู่ในโหมดมือถือ
เพราะคุณภาพหน้าจอ ของ Switch ถือว่าน่าประทับใจอย่างมาก แม้ว่าจอจะมีความละเอียดแค่ 720p แต่การนำเสนอทำได้ดีมีความคมชัด สีสันสดใสมาก ไม่ได้ดูเป็นจอราคาถูกตามที่ใครเคยดูถูกไว้ ทำให้ตัวผู้เขียนเองอยากเล่นในโหมดพกพามากกว่าต่อทีวีด้วยซ้ำ โดยหน้าจอจะมีระบบสัมผัสแบบหลายจุด แต่ตัวเกมกลับไม่ได้เน้นส่วนนี้นักเพราะเกม Zelda ก็ไม่ได้ใช้ระบบสัมผัสในการเล่นเลย ส่วนระบบเสียง ลำโพงเล็กๆของ Switch ทำออกมาได้แค่พอใช้ เพราะเมื่อเล่นเกมภายนอกอาคารก็แทบจะไม่ได้ยิน ทางที่ดีควรใช้หูฟัง หรือต่อกับลำโพงแบบพกพาน่าจะดีกว่า
ส่วนความอึดของแบต อยู่ในระดับปานกลาง เล่นเกม Zelda ต่อเนื่อง 3 ชั่วโมงได้ แต่ต้องเปิดไฟของหน้าจอไว้ที่ 80% ถือว่าทำได้ตามที่ปู่นินคุยไว้ และบน 3DS รุ่นแรกๆก็กินไฟประมาณนี้ แต่ถ้าใครอยากเล่นต่อเนื่องแนะนำให้ซื้อ Power Bank พกไปด้วยน่าจะดีกว่า ปิดท้ายกับการซื้อเกมผ่านระบบออนไลน์ที่ปู่นินไม่ได้ล็อกโซน ทำให้เราโหลดเกมมาเล่นได้ทุกโซน แต่หากคุณจะต้องสมัคร ID ใหม่แล้วลงทะเบียนของโซนที่คุณอยากซื้อเกมมาเล่น คล้ายกับ PS4
สรุปโดยรวมหลังจากได้ลองเล่นพักใหญ่ เครื่องเกม Nintendo Switch คือการคิดต่างอีกครั้งของปู่นิน เพราะแทนที่จะแข่งเรื่องกราฟิก นินเทนโด กลับหาหนทางใหม่ในการเล่นเกม ที่นำประสบการณ์เกมโฮมคอนโซลไปเล่นที่ไหนก็ได้ ซึ่งแม้จะมีอะไรที่ยังไม่เข้าท่าบ้าง เช่นคุณภาพของวัสดุที่ดูลดต้นทุนไปหน่อย แต่งานประกอบดูแน่นหนาดี สำหรับแฟนๆ นินเทนโด ต้องไม่พลาดอยู่แล้วเพราะแค่ซื้อมาเล่นเกม Zelda: Breath of the Wild ก็คุ้มแล้ว แต่หากคุณไม่ใช่แฟนปู่นิน จะรอให้มีเกมดังๆออกมากกว่านี้ก็ไม่ผิดอะไร
ขอบคุณร้านเกม Nadz Project ดิจิตอล เกตเวย์ ชั้น 2