[ทุกซอกมุม] PlayStation®4 Pro 500 Millions Limited Edition: สุดยอดความงามกับราคา (ไม่ปั่น) ที่คู่ควร
Our score
9.2

PlayStation®4 Pro 500 Millions Limited Edition

จุดเด่น

  1. ความสวยงามนี่ไม่อาจวัดค่าแล้ว ดูผ่านๆอาจเฉยๆ แต่อยากให้สัมผัสใกล้ๆดูจะเห็นเลยว่างามงดสุดๆ
  2. อุปกรณ์ที่ให้มาก็ถือว่าโอเคเลย มีกล้องเพิ่มมาจากชุดปกติ
  3. ราคาสมเหตุสมผลมากเลยนะ ไม่แพงเว่อเลย
  4. มีรันซีเรียลนัมเบอร์ที่ทำให้น่าสะสมมากขึ้น ดูพรีเมี่ยมจริง

จุดสังเกต

  1. ผิวมันเงา เห็นฝุ่นเห็นรอยง่ายมาก ต้องติดสติกเกอร์ดีๆ
  2. ประสิทธิภาพเครื่องเท่ารุ่นโปรปกติ ฮาร์ดดิสก์ที่มากขึ้นก็ไม่ได้ว้าวขนาดนั้นนะ ซื้อฮาร์ดดิสก์แยกมาต่อเพิ่มเอาก็ได้
  3. ราคาเปิดนี่คุ้มและสมเหตุสมผลมาก แต่ราคาปั่นสูงนี่ไปมากเกิน การจะได้มาต้องใช้แต้มบุญเยอะเหลือเกิน
  4. น่าจะโชว์ลูกเล่นแสงในตัวเครื่องได้มากกว่านี้ แต่แค่นี้ก็แจ่มมากแล้วล่ะ
  • คุณภาพวัสดุ

    9.0

  • ดีไซน์ความสวยงาม

    9.5

  • ประสิทธิภาพเครื่อง

    9.0

  • อุปกรณ์ที่ให้มา

    8.5

  • ความคุ้มค่า

    10.0

ในวาระที่เครื่อง Play Station เครื่องเกมอารยธรรมโซนี่ได้รับการขายไปทั่วโลก รวมจนถึงปัจจุบันแล้วถึง 525.3 ล้านเครื่อง ทางบริษัท โซนี่ จึงไม่พลาดที่จะจัดชุด PS4 รุ่นลิมิเต็ดเพื่อฉลองการนี้ออกมาในชื่อ PlayStation®4 Pro 500 Million Limited Edition ด้วย ซึ่งความพิเศษนอกจากผลิตจำนวนจำกัดพร้อมรันซีเรียลนัมเบอร์ เพียง 50,000 เครื่องแล้ว ยังมาพร้อมดีไซน์ที่ยอมสาวแตกกรี๊ดเมื่อได้เห็น ยิ่งได้สัมผัสแบบใกล้ ๆ มองรายละเอียดชัด ๆ ยิ่งงามเฟร่อ พร้อมของที่ให้มาทั้ง เครื่อง จอย กล้อง ก็สมเหตุสมผลกับราคาขายในบ้านเราที่ 18,490 บาทอย่างที่สุด ยิ่งเทียบราคาเครื่อง PS4 Pro ปัจจุบันที่ 15,999 บาท และเครื่อง PlayStation 4 Pro Marvel’s Spider-Man Limited Edition ที่ 17,690บาท ก็จะเห็นว่าสมน้ำสมเนื้อมากจริง ๆ  วันนี้เราเลยขอแกะกล่องมาดูรายละเอียดทุกซอกทุกมุมกันชัด ๆ ไปเลย

มาเริ่มกันจากข้อมูลทั่วไป ของเครื่องรุ่นพิเศษก่อนดีกว่า

  • ตัวเครื่องเป็นรุ่น CUH-7106B New Model แบบเครื่องรุ่น PS4 Pro รายละเอียดด้านเทคนิคต่าง ๆ ไม่แตกต่างกัน แต่เพิ่มขนาดของฮาร์ดดิสก์จากปกติ 1 TB เป็น 2 TB แทน
  • การออกแบบเน้นความโปร่งแสง สามารถมองทะลุเข้าไปภายในเห็นรายละเอียดของอุปกรณ์ได้ โดยใช้สีน้ำเงินเข้มโปร่งแสงที่แสดงถึงภาพลักษณ์ของ PS4 ด้วย
  • ใช้ทองแดงขับลวดลายต่าง ๆ บนเครื่อง ทั้งเครื่องหมาย Play Station รวมถึงแถบซีเรียลนัมเบอร์ 00001 – 50000 ด้วย
  • เครื่องที่ซีเรียลนัมเบอร์พิเศษจะมีความพิเศษบางอย่าง เช่นเลขซีเรียล 09995 (วันที่เครื่อง PS1 วางขายครั้งแรกในอเมริกา – 9 กันยายน 1995), 01115 (วันวางขายเครื่อง PS4 – 15 พฤศจิกายน 2013) เป็นต้น
  • นอกจากตัวเครื่องยังมีอุปกรณ์ซึ่งใช้ดีไซน์พิเศษให้มาอีก คือ จอยคอนโทรลเลอร์ กล้อง และหูฟัง โดยเฉพาะตัวจอยนั้นยังมีแยกขายออกมาด้วย
  • ราคาขายในบ้านเราเปิดอยู่ที่ 18,490 บาท บวกด้วยแต้มบุญอีกมาก ๆ (อเมริกาเปิดที่ราคา 499.99 USD ราว ๆ 16,300 บาท)
  • แต่ด้วยจำนวนนำเข้ามาขายจำกัดมาก ประมาณกันว่าน่าจะอยู่ที่ราว ๆ  100 เครื่อง ทำให้ราคารีเซลพุ่งไปที่ 30,000 – 60,000 บาทแล้ว

เอาล่ะได้เวลาดูตัวเครื่องจริงกันแล้วววว

รักแรกพบ เริ่มที่กล่องบรรจุเลย

กล่องตัวนี้ไม่ใช่เพียงกระดาษแข็งแบบปกติ หากแต่เป็นพลาสติกลงสีแบบ See-through ที่สะท้อนแนวคิดการออกแบบ แบบโปร่งแสง สามารถมองทะลุเข้าไปเนื้อในได้ ตรงนี้ทำให้หน้ากล่องเราจะเห็นสัญลักษณ์ Play Station ลาง ๆ อยู่ด้านในด้วย การไล่เฉดสีจากน้ำเงินที่เป็นสีประจำเครื่องเกมมาจนตรงกลางที่เป็นเนื้อพลาสติกใสสีขาวขุ่น ก็ดูดีมีรสนิยมไม่เบาเลยทีเดียว

เมื่อเปิดกล่องออกมา ก็เจอการจัดวางที่เรียบหรู แบ่ง 3 ช่องเป็นสัดส่วน โดยมีตัวเครื่องอยู่ในถุงครอบเครื่องแบบลิมิเต็ดอยู่ในช่องใหญ่ด้านซ้าย

ด้านขวาบนมีกล่องซ้อนกัน 2 ชั้น โดยกล่องบนจะใส่คู่มือของเครื่องเกม ทั้งภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น และจีน ตรงนี้ไม่ต้องเสียดายไป เพราะจะมีคู่มือภาษาไทยที่ทำเหมือนเด๊ะ ต่างแค่เนื้อกระดาษ ใส่มาให้อยู่ในตัวลังบรรจุอยู่แล้ว เราก็จัดการเอามารวมในกล่องนี้ได้เลย ส่วนกล่องด้านล่างก็จะใส่สารพัดสายต่าง ๆ ตั้งแต่ สาย HDMI สายชาร์จจอย สายไฟ AC ขาล็อกตัวกล้อง รวมถึงตัวหูฟังที่เป็นรุ่นพิเศษใช้พลาสติกใสสีน้ำเงินมองทะลุเข้าไปได้แบบตัวเครื่องด้วย

ตรงนี้แม้สายไฟที่ให้มาในกล่องจะเป็นหัวปลั๊กแบบ Type G ที่เป็นมาตรฐานอังกฤษ คือเป็นหัวสี่เหลี่ยม 3 หัว ด้วยความที่เป็นมาตรฐานใช้ใน ฮ่องกง สิงคโปร์ ทำให้ของที่มาขายในบ้านเราจึงเป็นหัวแบบนี้ด้วย แต่ไม่ต้องกลัวเพราะในลังบรรจุก็จะมีสายไฟหัวปลั๊ก Type F ที่เป็นขากลมคู่ มีคลิปกราวด์ทั้งสองด้าน มาให้เช่นกัน หัวปลั๊กอาจใหญ่ไปนิดแต่สามารถใช้กับเต้ารับของบ้านเราได้ไม่ต้องไปหาอะแดปเตอร์แปลงไฟมาให้วุ่นวาย ซึ่งข้อดีของการใช้ปลั๊กแบบ Type G ที่มากับเครื่อง มันดีตรงมีฟิวส์ฝังในตัว ซึ่งปลอดภัยกว่าแบบ Type F ด้วยนั่นเอง อันนี้ก็แล้วแต่สะดวกกัน แต่ผมเองมักเลือกใช้ Type G แล้วหาอะแดปเตอร์มาแปลงมากกว่า

ส่วนช่องล่างขวาจะเป็นช่องใส่ ตัวจอยคอนโทรลเลอร์ หรือชื่อเต็มสมศักดิ์ศรีว่า Wireless Controller (DUALSHOCK®4) 500 Million Limited Edition ซึ่งมีขายแยกแบบจำกัดจำนวนในราคา 2,090 บาทเช่นกัน แต่ในกล่องนี้จะให้มา 1 อัน ส่วนช่องด้านข้างกันก็จะใส่ กล้อง PlayStation®Camera มาให้ 1 ชิ้น ตัวกล้องนี่เท่าที่ดูน่าจะไม่ต่างจากตัวเดิมที่มีขายกันครับ

และเมื่อยกช่องด้านขวาออกทั้งหมด ก้นกล่องเราจะได้พบกับ ขาตั้งเครื่องแนวตั้ง Vertical Stand ดีไซน์โปร่งแสงไล่เฉดสีน้ำเงินเข้มเข้ากับตัวเครื่องซ่อนอยู่ด้วย

รักฝังลึก มาดูตัวเครื่องกัน

ตัวเครื่องนอกจากอยู่ในถุงคลุมดีไซน์พิเศษที่มีสัญลักษณ์ Play Station แล้ว ยังใช้โฟมรองตัวเครื่องสีเทา หะ-รู-หะ-รา แทนโฟมสีขาวบ้าน ๆ ด้วย เมื่อนำตัวเครื่องออกมาสัมผัสแรกพบคือ นี่หรือที่รอคอย เมื่อลอกตัวพลาสติกหุ้มออกก็สามารถสัมผัสและเห็นดีไซน์ได้ชัดแจ่มและสวยงามยิ่งขึ้นด้วย เพราะเนื้อวัสดุนั้นทำเป็นสีน้ำเงินเข้มโปร่งแสงสามารถมองเห็นรายละเอียดภายในตัวเครื่องได้ แถมผิวยังสามารถสะท้อนแสงเงาดูแวววาวไฮโซขึ้นกว่าแบบพลาสติกด้านปกติด้วย นอกจากนี้ลวดลายต่าง ๆ เช่นสัญลักษณ์ Play Station ด้านบนเครื่อง และหน้าเครื่องยังทำจากแผ่นทองแดงตัดกับสีน้ำเงินเข้มดูออกเลื่อมทองสวยงามด้วย

และแน่นอนว่าส่วนที่พิเศษสุดคงเป็นแถบซีเรียลนัมเบอร์ที่บอกลำดับการผลิตของเครื่องด้วย ตัวนี้คือ 19723/50000 น่าเสียดายที่ไม่ได้เลขพิเศษของทางโซนี่ แต่ก็เป็นเลขที่มีความหมายส่วนตัวสำหรับผมนะ ฤาเราควรจะเอาเลขนัมเบอร์เครื่องลิมิเต็ดไปซื้อลอตเตอรี่งวดหน้าดีนะ 555 ใครซื้อได้เลขอะไรก็ลองนะ เหมือนเวลาถอยรถใหม่นั่นล่ะ แต่คงไม่ถูกหรอกมั้งเพราะคงใช้แต้มบุญหมดไปกับการได้สิทธิ์ซื้อเครื่องนี้ไปแล้ว 555

ส่วนด้านหลังก็ยังคงมีปุ่มรองเครื่องที่ใช้สัญลักษณ์ของปุ่มต่าง ๆ บนจอยมาใช้เช่นเดิม และสัญลักษณ์ Play Station ด้านหลังจะเป็นนูนต่ำผิวขัดด้านตัดกับผิวเงามันของตัวเครื่องด้วย เวลาใช้ขาตั้งเครื่องก็จะไม่เสียการโชว์รายละเอียดทุกเม็ดไปได้อีก

พอร์ตต่าง ๆ ยังคงเดิมแบบ PS4 Pro

เมื่อเปิดเครื่อง ก็ฟินแตกไปเลย

การจะฟินให้สุดก็คงต้องเปิดเครื่อง ดึงความสวยงามจากดีไซน์โปร่งแสงออกมาให้มากที่สุด โดยเฉพาะแนวไฟสีน้ำเงินหน้าตัวเครื่องที่จะเห็นชัดเจนขึ้น ส่วนตัวคิดว่าคงจะแจ่มว้าวกว่านี้ถ้าในตัวเครื่องมีจุดที่ไฟสว่างเห็นการทำงานของสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ด้วย แต่แค่นี้ก็แจ่มมากแล้วล่ะ

บทสรุป

ตรงนี้บอกเลยว่าสายสะสมห้ามพลาดจริง ๆ ใครได้มาราคาตั้งต้นโดยเฉพาะเครื่องศูนย์ไทยที่น่าจะมีราว ๆ 100 เครื่องด้วยถือว่าโชคดีมาก ๆ ถ้าได้ลองแกะมาสัมผัสจริงจังจะไม่อยากปล่อยของต่อเลย และใครที่ไฮป์มาก ๆ ก็อยากให้มีสติกับการรีเซลสักนิดครับ เพราะเอาจริง ๆ จำนวน 50,000 เครื่องนั้นก็ถือว่าค่อนข้างมากอยู่นะ อนาคตอาจมีของหลุดมาอีกเยอะหรือราคาลงจากตอนนี้ก็ได้ (ช่วงนี้ราคาปั่นเห็นรีเซลถูกสุดอยู่ราว ๆ 2 หมื่นบาทปลาย ๆ) สำหรับส่วนตัวถือว่าประทับใจมากครับ ไม่ปล่อยต่อแน่นอน