Our score
6.6รีวิว Infinix S5 จอใหญ่ สเปคพอใช้ ในราคาเบา ๆ
จุดเด่น
- หน้าจอใหญ่ IPS
- กล้องหลัง
- แรม+รอม ให้มาเยอะ
- แบตอึด ใช้ได้เต็มวัน
จุดสังเกต
- เล่นเกมยอดนิยมยังไม่ลื่นไหล
- ใช้เวลาชาร์จไฟ ค่อนข้างมาก
-
ดีไซน์เครื่อง
6.6
-
คุณภาพจอ
6.6
-
ประสิทธิภาพเครื่อง
6.0
-
ประสิทธิภาพกล้อง
6.0
-
ความคุ้มค่า
7.6
อาจจะช้าไปสักหน่อยสำหรับการรีวิว แต่มาช้า ดีกว่าไม่มี เพราะว่าเราได้ลองใช้งาน Infinix S5 เจ้ามือถือราคาประหยัด หน้าจอใหญ่ ซ่อนกล้องใต้จอ แรมและรอมเยอะเหลือใช้ มีกล้องหลัง 4 เลนส์ รายละเอียดจะเป็นอย่างไรไปดูกันเลยครับ
หน้าจอ
เริ่มกันที่ดีไซน์ด้านหน้าจอ ปกติแล้วมือถือราคาเบา ๆ ที่เปิดตัวในช่วงปลายปี 2019 ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับดีไซน์หน้าจอแบบหยดน้ำหรือไม่ก็ใช้เป็นรอยบาก ซึ่งต่างกับ Infinix S5 ที่เป็นแบบ Hole punch หรือจะเรียกว่า Infinity-O Display ก็ได้ โดยมันจะเป็นการเจาะรูบนหน้าจอเพื่อซ่อนกล้องไว้ครับ
สำหรับสเปคของหน้าจอก็อยู่ในระดับที่รับได้โดยตัวหน้าจอเป็นแบบ IPS สัดส่วน 20:9 ความยาวแนวตั้งถือว่าช่วยให้จัดถือมือเดียวได้ถนัดเลยครับ ความละเอียด HD+ (720×1600) ตรงนี้ถือว่าละเอียดใกล้เคียงกับหน้าจอ FHD ครับ แต่การแสดงผล YouTube / Facebook ได้แค่ 720p เท่านั้นครับ ใครจะซื้อมาดูวิดีโอแล้วเน้นแบบ 1080p อันนี้เป็นจุดที่ต้องคิดครับ
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ก็ต้องบอกเลยว่าหน้าตาของ Infinix S5 ดูดี ไม่ต่างจากมือถือในระดับเดียวกันเลย แต่สิ่งที่แตกต่างนั้นคือลวดลายบนฝาหลัง ที่จะโผล่ออกมาให้เห็นเมื่อมีแสงมาตกกระทบครับ ถ้าย้อนกลับไปในช่วงเปิดตัวถือว่าน่าสนใจไม่น้อย สำหรับลวดลายของเจ้ารุ่นนี้เป็น เส้นทแยงจากมุมขวาบนลงสู่มุมขวาลง วัสดุฝาหลังทำจากพลาสติก ด้านซ้ายบนเป็นแถบกล้องหลังแนวตั้ง และยังคงมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ตรงกลางครับ ด้านล่างมีโลโก้ของ Infinix ตัวเครื่องที่วางขายมีให้เลือก 2 สีคือ สีฟ้า Quetzal Cyan และ สีม่วง Violet ครับ
ปุ่มกด และพอร์ตเชื่อมต่อ
ดูต่อกันที่ปุ่มกดและพอร์ตเชื่อมต่อกันบ้าง ปุ่มปลดล็อก และปุ่มปรับเสียงของ Infinix S5 นั้นอยู่ทางด้านขวามือของตัวเครื่อง ตำแหน่งอยู่ตรงนิ้วโป้งขวาพอดิบพอดี ส่วนช่องใส่ซิมอันนี้อยู่ฝั่งซ้ายครับ ตรงข้ามกันเลย สามารถใส่ซิมคู่+ไมโครเอสดีการ์ด (สูงสุด 64GB) ก็ถือว่าดีเลยสำหรับใครที่ชอบเก็บไว้ในเครื่องเยอะ ๆ ไม่ต้องกลัวเต็ม สำหรับด้านล่างก็เหมือน ๆ กับมือถือทั่ว ๆ ไป คือมี ช่องเสียบสายหูฟัง 3.5 มม. ช่องเสียบ Micro-USB และลำโพงสนทนาครับ
คุณภาพกล้อง 4 กล้องหล้ง + กล้องหน้า 32MP
พูดถึงกล้องหน้าและกล้องหลัง ก็เป็นจุดขายของมือถือหลาย ๆ รุ่น สำหรับ Infinix S5 ก็มีกล้องหลังมาให้ 4 ตัว และกล้องหน้า 1 ตัว ตามเทรนด์มือถือในช่วงท้ายปี 2019 ซึ่งจากการที่เราได้ลองใช้ถ่ายภาพมาพอสมควรแล้วก็พบว่า กล้องหลัง 4 ตัว ใช้ถ่ายภาพได้แค่ 2 กล้องเท่านั้น เพราะอะไรนะ? มาดูกัน
พูดถึงสเปคกล้องหลัง Infinix S5 มีกล้องหลังสองชุดคือ กล้องสำหรับจับภาพ ที่ประกอบด้วย กล้องหลัก 16MP + กล้องมุมกว้างพิเศษ 5MP ส่วนกล้องอีกชุดคือกล้องสนับสนุน คือ กล้องจับระยะ 2MP + กล้อง AI 2MP ที่ใช้สำหรับแยกประเภทของภาพถ่ายแบบ Real-time ครับ
โดยกล้องหลักทั้งสองจะทำหน้าที่จับภาพ ส่วนกล้องสนับสนุนอีกสองตัวจะทำหน้าที่ช่วยให้การถ่ายดีขึ้น และมีลูกเล่นมากขึ้นครับ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของมือถือราคาประมาณนี้อยู่แล้ว
มีอีกจุดที่ทำให้เรารู้สึกแปลกใจไม่น้อยนั่นก็คือความสว่างของแฟลชหลังครับ จัดว่าโหดเลยทีเดียว แฟลช 4 ตัววางเรียงติดกัน สว่างมากเลยทีเดียว เอาไว้ใช้ยามค่ำคืนได้ดีเลยล่ะ
มาดูเรื่องคุณภาพของกล้องหลังกันบ้างครับ จากที่ได้ลองเอาไปถ่ายตอนเดินทางไปทำงาน และเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ก็บอกได้เลยว่า ถือว่าใช้งานได้ดีในระดับราคานี้เลยครับ ความคมชัดช่วงกลางวันอยู่ในระดับที่อัปใส่บน Facebook / IG แล้วดูโอเคเลยล่ะ ส่วนการถ่ายตอนกลางคืนหรือที่แสงน้อยอันนี้ต้องเข้าใจครับ ภาพจะแตก ๆ และเป็นวุ้นพอสมควรเลย เอาเป็นว่านี่เป็นเรื่องธรรมดาของมือถือราคาประมาณนี้ครับ
กล้องหน้า 32MP รูรับแสง F2 ถือเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ครับ ใครที่ชอบถ่ายเซลฟี่อันนี้น่าจะถูกใจเลยครับ เพราะว่าเขามีระบบ AI ช่วยปรับหน้าสวย หน้าเรียว ตาโต ได้สบาย ๆ และยังทำเอฟเฟคหน้าชัดหลังละลาย เหมือนมือถือในสมัยนี้เลยนะ
สเปคและประสิทธิภาพ
ด้านสเปค Infinix S5 ใช้ชิปเซต Mediatek MT6762 Helio P22 แรมและความจุก็อยู่ที่ 6+128GB ส่วนแบตฯ ก็ให้มาที่ 4,000 mAh อันนี้ถือว่าให้มาเยอะมาก ไม่กั๊ก ส่วนระบบปฏิบัติการก็ใช้เป็น Android 9 Pie ที่มี UI XOS ครอบทับอีกชั้น อันนี้จากที่ลองใช้งานมารู้สึกว่า มันหน่วงกว่าที่คิด การตอบสนองไม่เป็นไปแบบ Real-time ครับ เช่นการปัดหน้าจอซ้ายขวาเพื่อดูแอป ฯ บนหน้าหลัก จะมีอาการหน่วงแบบสัมผัสได้เลย
ลองมาทดสอบด้านประสิทธิภาพกันบ้าง สำหรับความแรงของ CPU Infinix S5 ทำคะแนนจาก Geekbench 5 แบบ Multi-Code ไปได้ 933 คะแนน ซึ่งถือว่าเหมาะสมกับราคาที่จ่ายไป ต่อมาเป็นคะแนนจาก Antutu ที่ได้โหลดมาทดสอบตั้งแต่เมื่อต้นปี คะแนนอยู่ที่ 95,607 เป็นตัวเลขที่เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป ที่ไม่ใช่การเล่นเกม
ด้านการเล่นเกม Infinix S5 จากที่ลองใช้งานมาก็รู้ว่า พอไปวัดไปวาได้ แม้จะไม่ได้ลื่นไหลแบบสุด ๆ แต่ก็พอจะเล่นเกมสุดฮิตอย่าง ROV ได้ที่ 30 FPS (ไม่มีโหมดเฟรมเรทสูง) บวกกับความหน่วงเล็กน้อย การกระตุกเบา ๆ หลังจากที่เจอเอฟเฟคหนัก ๆ ที่พูดไปยังไม่เท่ากับเกม PUBG Mobile อันนี้จัดว่ากระตุกเลยครับ ส่วนเกมแนว ๆ เดียวกันอย่าง Free Fire ที่ใช้กราฟิกน้อยกว่า อันนี้สบายเลย เล่นได้ไม่กระตุก
การใช้งานทั่วไป
สำหรับการใช้งานทั่วไปก็ถือว่าดีเลย สามารถเปิดแอปฯ ทิ้งไว้ได้หลายแอปฯ และสามารถสลับไปมาได้อย่างไว ทำได้รวดเร็ว เพราะว่ามีแรมมาให้ถึง 6GB ส่วนการเล่นแอปฯ Facebook, Line, Twitter, YouTube และอื่น ๆ ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ เรื่องความจุที่ใครหลายคนชอบเจอปัญหาเครื่องเต็ม อันนี้ตัดไปได้เลยครับ พอแบบเหลือเฟือเลยล่ะ แต่ถ้ายังเต็มอีกก็จัด ไมโครเอสดีการ์ดมาใส่ให้จุใจได้เลย
การปลดล็อก
ระบบปลดล็อก Infinix S5 มีสองระบบก็คือ ระบบสแกนลายนิ้วมือ และระบบสแกนหน้า ที่สามารถทำได้รวดเร็ว ลายนิ้วมือแตะปุ๊บปลดล็อกปั๊บ ส่วนสแกนใบหน้าก็ต้องเป็นที่มีแสงพอสมควรเพราะใช้กล้องจับภาพ ไม่ได้ใช้เซนเซอร์ 3D เหมือนกับพวกรุ่นเรือธง โดยรวมระบบปลดล็อกก็เหมือน ๆ กับมือถือทั่วไปเลยครับ
แบตเตอรี่
สำหรับแบตเตอรี่อันนี้มีขนาด 4,000 mAh ถือปกติ (คิดว่าจริงๆ ซักประมาณ 4,300-4,500 mAh น่าจะกำลังดี) หากเปิดใช้งานทั่วไป เช่น เล่น Facebook ดู Youtube คุยแชท แบตอยู่ได้ประมาณ 7-8 ชั่วโมง
ส่วนการเล่นเกมอันนี้ก็จะลดเยอะเลยครับ แบตฯ อยู่ได้ประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้นครับ สำหรับการชาร์จไฟเข้าอันนี้ยังถือว่าช้าอยู่ครับ จาก 10-100% ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครับ
ราคาและความคุ้มค่า
หลายคนคงจะรู้แล้วว่า Infinix S5 เปิดตัวมาที่ราคา 4,390 บาท (2019) ถามว่าถูกไหม ส่วนตัวผมคิดว่าถูกในระดับหนึ่ง และถ้าถามว่าคุ้มไหมถ้าเทียบมือถือราคาใกล้ๆ กัน อันนี้ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปเลย แต่ถ้าจะมาซื้อในปี 2020 อันนี้ต้องเทียบสเปกดูอีกทีนะครับ
บทสรุป
แม้ว่า Infinix S5 จะมีราคาที่ค่อนข้างถูก และดูคุ้มค่า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดสังเกต ตลอดที่ทดลองใช้งานมาประมาณ 2 เดือน อย่างแรกที่เจอคือ จอ HD+ ภาพที่เห็นไม่ค่อยคมเท่าไร และอีกอย่างคือกล้องหลังถึงจะบอกว่ามี 4 ตัวแต่ถ้าใช้ถ่ายจริงได้แค่สองกล้องเท่านั้นคือกล้องหลัก 16+5MP เท่านั้น สองกล้องที่เหลือเป็นกล้องเสริม คุณภาพรูปที่ได้ก็ถือว่าเพียงพอเลยล่ะครับ