การถ่ายรูปเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เพียงการได้รูปถ่ายสวยๆ หรือผลงานศิลปะออกมาเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงรสนิยมของผู้ถ่ายด้วย เพราะแสดงถึงความเป็นตัวเองของผู้ถ่าย ว่ามีความชื่นชอบรูปภาพในรูปแบบใด แถมการถ่ายรูปยังมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่เพียงการกดแชะเพื่อถ่าย แล้วได้รูปภาพออกมาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกระบวนการที่ใช้ในการถ่ายทำด้วย เราจึงพูดกลายๆ ได้ว่า การถ่ายรูปในปัจจุบันเป็นเทรนด์อย่างหนึ่ง
นอกจากแอปเลียนแบบกล้องฟิล์ม ที่โด่งดังมาสักพักอย่าง “Gudak Cam” ตอนนี้ก็มีกระแสของแอป “CandyFilm mini” แอปที่จำลองการถ่ายรูปแบบโพลารอยด์มาไว้ในสมาร์ทโฟน

Outside Magazine
ความคลาสสิคของกล้องโพลารอยด์ที่ยังทำให้ได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน แม้จะมีเทคโนโลยีด้านการถ่ายรูปใหม่ๆ ออกมามากมาย แต่โพราลอยด์ก็ยังไหว สู้ได้เสมอ เห็นจะเป็นเรื่องของการสามารถถ่ายได้เพียงครั้งเดียว และเมื่อมีการกดถ่ายแล้ว จะได้ภาพออกมาในทันทีทันใด แถมภาพที่ออกมายังมีโทนสีในแบบฉบับของตัวเอง อันเป็นจุดเด่นของโพลารอยด์ด้วย
เมื่อมีแอปจำลองกล้องโพลารอยด์ขึ้นมา แบไต๋มีหรอจะพลาด ที่จะลองเล่นเจ้าแอป CandyFilm mini ว่าใช้งานยังไง สร้างสรรค์ภาพออกมาได้แบบไหนบ้าง
เมื่อเปิดแอปขึ้นมา สิ่งแรกที่เราจะเห็นเลยคือรูปจำลองกล้อง โพลารอยด์ โดยปุ่มที่ปรากฎอยู่ก็จะมี
ปุ่มเปิด-ปิด แฟลช, ปุ่มตัวเลือกในการใส่วันที่ลงในรูปภาพ, ปุ่มกลับกล้องหน้าและกล้องหลัง, ปุ่มบอกจำนวนที่เหลือของรูปภาพ, ปุ่มเข้าดูรูปภาพ, ปุ่มเลือกใส่เฟรม และปุ่มกดถ่ายรูป
สำหรับตัวกล้องโพลารอยด์ เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้มีหน้าตาอย่างไร โดยกดที่ปุ่ม “Home” ในตัวแอป ตัวแอปก็จะขึ้นรูปกล้องให้เราเลือกว่าเราอยากได้แบบใด ซึ่งขณะนี้ก็มีให้เลือกเพียง 2 รุ่นเท่านั้น
มาลองใช้งานกันเลยดีกว่า
โดยเราต้องเลือกก่อนว่า อยากให้รูปของเรามีกรอบแบบโพลารอยด์มั้ย ซึ่งความแตกต่างก็จะประมาณนี้

ไม่มีกรอบ

มีกรอบแบบโพราลอยด์
จากนั้นก็เลือกว่าอยากให้รูปของเรา มีวันที่ถ่ายรูปรึเปล่า ซึ่งจากการลองถ่ายดู ภาพที่มีวันที่อยู่ด้านล่าง ดูคลาสสิคกว่าแหะ

ไม่มีวันที่แสดง

มีวันที่แสดง
จากนั้นก็เลือกว่าจะเปิดหรือปิดแฟลช ซึ่งความแตกต่างก็จะเป็นเรื่องของโทนสีนั่นเอง

ภาพที่ไม่ได้ใช้แฟลช

ภาพที่ใช้แฟลช
จากนั้นก็ลงมือแชะได้เลย
โดยสามารถเลือกได้ด้วย ว่าเราอยากใช้กล้องหลังถ่ายภาพ หรือกล้องหน้าเซลฟี่

ภาพจากกล้องหน้า
สำหรับภาพที่ได้จาก CandyFilm mini ส่วนใหญ่จะมีโทนสีภาพของตัวเอง ซึ่งอาจไม่ได้ออกมาเหมือนภาพที่ได้จากโพราลอยด์เป๊ะๆ แต่โทนสีภาพก็มีความสวยงาม และติสๆ แถมภาพที่ถ่ายย้อนแสงยังมีประกายสวยๆ ขึ้นมาอีก
และเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง ที่จะอดพูดถึงไม่ได้เลย ในแอป CandyFilm mini คือ เมื่อเราถ่ายรูปเสร็จแล้ว เราต้องเขย่าสมาร์ทโฟนเพื่อให้รูปปรากฎออกมา ซึ่งนั่นก็จำลองการทำงานของโพลารอยด์ ที่เมื่อถ่ายเสร็จแล้ว คนส่วนใหญ่มักนิยมที่จะสะบัดเพื่อให้รูปปรากฎขึ้น
ดาวน์โหลด
ข้อจำกัดของแอปนี้ก็จำลองข้อจำกัดของโพราลอยด์มาเช่นกัน นั่นคือตัวแอปจะมีฟิล์มมาให้เพียง 10 ฟิล์ม และเมื่อเราถ่ายจนครบหมดแล้ว ก็ต้องใช้เวลาในการรอ เพื่อจะสามารถถ่ายครั้งต่อไปได้ และอีกอย่างคือเจ้าแอปนี้คือยังมีเพียงในแอนดรอยด์เท่านั้น ส่วนใครที่เป็นเหล่าไอโฟนทั้งหลาย ก็คงต้องตั้งหน้าตั้งตารอคอยกันต่อไปว่าเจ้าแอป CandyFilm mini จะขยับขยายมามั้ย